บทที่ 4

บทที่4

 พิจารณาดูคำพยากรณ์เรื่องพระเยซูคริสต์ (ตอนที่ 2)

    คำพยากรณ์อื่น ๆ อีกมากเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์เจ้าและได้สำเร็จแล้ว ดังตัวอย่างต่อไปนี้
1. ยูดา อิศการิโอดปฏิเสธพระเยซู เพื่อจะได้เงินสามสิบแผ่น
    (1) ได้พยากรณ์ไว้เมื่อ 520-518 ก.ค.ศ. ใน ซะคาระยา 11.12  "ข้าจึงได้กล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า ถ้าตาของท่านทั้งหลายเห็นดีจงให้บำเหน็จราคาแก่ข้า  ถ้าหาไม่ก็จงเหนี่ยวไว้เถิด แลเขาทั้งหลายจึงได้ชั่งราคาของข้าคือสามสิบแผ่น"
    (2) สำเร็จเมื่อ ค.ศ. 33 ใน มัดธาย 26.15  "ถ้าข้าพเจ้าจะมอบพระองค์ไว้แก่ท่าน  ท่านทั้งหลายจะให้ข้าพเจ้าเท่าไร ฝ่ายเขาก็ชั่งเงินให้แก่ยูดาสามสิบแผ่น"
2. พวกปุโรหิตเอาเงินที่ให้ยูดา อิศการิโอดไปซื้อทุ่งช่างหม้อ
    (1) ได้พยากรณ์ไว้เมื่อ 520-518 ก.ค.ศ.  ซะคาระยา 11.13 "พระยะโฮวาตรัสแก่ข้าว่า  ราคาอันงามนี้ซึ่งเขาทั้งหลายได้กำหนดราคาแห่งข้านั้น  จงทิ้งให้แก่ผู้ช่างหม้อ และข้าได้เอาเงินสามสิบแผ่นนั้น ทิ้งลงในวิหารแห่งพระยะโฮวาให้แก่ผู้ช่างหม้อ"
    (2) สำเร็จเมื่อ ค.ศ. 33 ในมัดธาย 27.6-7  "พวกปุโรหิตใหญ่จึงเก็บเอาเงินนั้นมาแล้วว่า เป็นการผิดกฎหมายที่จะเก็บเงินนั้นไว้ในคลังเพราะเป็นค่าโลหิต 7 เขาก็ปรึกษาตกลงกันว่าให้เอาเงินนั้นไปซื้อทุ่งช่างหม้อไว้สำหรับเป็นที่ฝังศพคนต่างบ้านต่างเมือง"
3. คนอื่นจะเป็นอัครสาวกแทนยูดา อิศการิโอด
    (1) ได้พยากรณ์ไว้เมื่อ 1011 ก.ค.ศ. ในบทเพลงสรรเสริญ 109.7-8
    (2) สำเร็จเมื่อ ค.ศ. 33 ในกิจการ 1.18-20
4. พระเยซูทรงทนทุกข์ทรมาน
    (1) ได้พยากรณ์ไว้เมื่อ 726 ก.ค.ซ.  ในยะซายา 53.4-5
    (2) สำเร็จเมื่อ ค.ศ. 31  ในมัดาย 8.16-17
5. พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
    (1) ได้พยากรณ์ไว้เมื่อ 726 ก.ค.ศ.  ในยะซายา 53.12
    (2) สำเร็จเมื่อ ค.ศ. 33 ใน ลูกา 23.33,  มัดธาย 27.38
6. พระหัตถ์และพระบาทของพระเยซูทรงถูกแทง
    (1) ได้พยากรณ์ไว้เมื่อ 1011 ก.ค.ศ. ในบทเพลงสรรเสริญ 22.16
    (2) สำเร็จเมื่อ ค.ศ. 33 ใน โยฮัน 20.27
7. พระเยซูทรงถูกเยาะเย้ย
    (1) ได้พยากรณ์ไว้เมื่อ 1011 ก.ค.ศ. ใน บทเพลงสรรเสริญ 22.6-8
    (2) สำเร็จเมื่อ ค.ศ. 33 ใน มัดธาย 27.39-40, 41-44,  มาระโก 15.29-30
8. สีข้างของพระเยซูถูกแทง
    (1) ได้พยากรณ์ไว้เมื่อ 920-918 ก.ค.ศ. ใน ซะคาระยา 12.10
    (2) สำเร็จเมื่อ ค.ศ. 33 ใน โยฮัน 19.34
9. ทหารจับฉลาดเสื้อผ้าของพระเยซู
    (1) ได้พยากรณ์ไว้เมื่อ 1011 ก.ค.ศ. ใน บทเพลงสรรเสริญ 22.18
    (2) สำเร็จเมื่อ ค.ศ. 33 ใน มาระโก 15.24,  โยฮัน 19.24
10. กระดูกของพระเยซูไม่ถูกหัก
    (1) ได้พยากรณ์ไว้เมื่อ 1011 ก.ค.ศ.  ในบทเพลงสรรเสริญ 34.20
    (2) สำเร็จเมื่อ ค.ศ. 33  ในโยฮัน 19.33
11. พระศพของพระเยซูฝังไว้ในอุโมงค์ของเศรษฐี
    (1) ได้พยากรณ์ไว้เมื่อ 726 ก.ค.ศ. ในยะซายา 53.9
    (2) สำเร็จเมื่อ ค.ศ. 33 ใน มัดธาย 27.57-60
12. การเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซู
    (1) ได้พยากรณ์ไว้เมื่อ 1011 ก.ค.ศ. ในบทเพลงสรรเสริญ 16.10, 2.6-7,  และเมื่อ 726 ก.ค.ศ. ในยะซายา 53.10-11
    (2) สำเร็จเมื่อ ค.ศ. 33  ใน โยฮัน 20.19,  1โกรินโธ 15.3-5

การมหัศจรรย์ของพระเยซู
    การมหัศจรรย์ได้บันทึกไว้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์  มีจุดประสงค์เพื่อค้ำจุนคำสอนว่าเป็นความจริงแท้  เฮ็บราย 2.4  "พระเจ้าก็ยังทรงเป็นพะยานกับเขาด้วย โดยนิมิตต์ และโดยการอัศจรรย์ และโดยอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ และโดยของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ตามน้ำพระทัยของพระองค์เอง"  มีการมหัศจรรย์มากมายซึ่งได้บันทึกไว้ทั้งในพระคัมภีร์เดิมและพระคัมภีร์ใหม่  พระเยซูมิใช่มนุษย์ธรรมดา  แต่พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด และเป็นผู้ทรงฤทธานุภาพเหนือสิ่งสารพัด

ก. คำจำกัดความ "การมหัศจรรย์"
    การมหัศจรรย์เป็นการกระทำที่เหนือกว่าธรรมดาสามัญจะอธิบายได้  เป็นการกระทำที่เหนือกว่าธรรมชาติ  แต่ไม่ขัดแย้งกับธรรมชาติ  ไม่ใช่ไสยศาสตร์ หรือการใช้คาถาอาคม หรือเวทมนต์  พระเยซูได้ทำการมหัศจรรย์มากมาย ตัวอย่างเช่น   คนตาบอดมองเห็นได้,  คนหูหนวยินได้,  คนเท้าพิการเดินได้,  คนตายแล้วเป็นขึ้นมา,  คนป่วยหายได้,  ห้ามพายุให้หยุด,  เดินบนน้ำ ฯลฯ  มีคนเป็นจำนวนมากได้เห็นพระเยซูทำการมหัศจรรย์ด้วยตาของเขาเอง  และคนเหล่านั้นได้ออกไปป่าวประกาศความจริงเรื่องพระเยซูให้คนอื่นฟัง  "แล้วมีนิมิตต์อื่นหลายประการที่พระเยซูทรงกระทำต่อหน้าเหล่าสาวกของพระองค์ ที่มิได้จดไว้ในหนังสือเหล่านี้  แต่ได้จดเหตุการณ์เหล่านี้ไว้ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์บุตรของพระเจ้า และเมื่อมีความเชื่อแล้วท่านจะได้ชีวิตโดยพระนามของพระองค์" (โยฮัน 20.30-31)

ข. การมหัศจรรย์ที่พระเยซูได้ทรงกระทำ
    (1) การเปลี่ยนน้ำให้เป็นน้ำองุ่น  นี่เป็นการอัศจรรย์ครั้งแรกที่พระเยซูได้กระทำ (โยฮัน 2.1-11)  มีประชาชนและอัครสาวกของพระเยซูได้ไปในงานสมรส  การเปลี่ยนน้ำให้เป็นน้ำองุ่นสร้างความพิศวงให้แก่ทุกคนในงานเลี้ยงนั้น
    (2) การรักษาลูกขุนนางคนหนึ่ง  เรื่องราวนี้อยู่ในหนังสือ โยฮัน 4.46-54  ลูกชายของขุนนางคนหนึ่งกำลังป่วยอยู่  ขุนนางได้เดินทางไปหาพระเยซูเป็นระยะทาง 30 กิโลเมตร  จากเมืองกัปเรนาอูมถึงหมู่บ้านคานา  เพื่อข้อร้องให้พระเยซูรักษาลูกชายของเขาให้หาย  พระเยซูดได้มีรับสั่งว่า ลูกชายของเขาหายแล้วไม่ต้องวิตก  ขุนนางกลับไปบ้านก็เห็นว่าลูกของตนหายดีและเป็นเวลาเดียวกันกับที่พระเยซูรับสั่งว่าลูกของเขาจะหาย
    (3) การรักษาคนง่อย  เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่กรุงยะรูซาเล็ม  มีชายคนหนึ่งป่วยเป็นง่อยมาสามสิบแปดปี  นอนอยู่บนที่นอนเฉย ๆ จะไปไหนก็ต้องมีคนช่วยยกขึ้น  พระเยซูทรงเมตตาเขา ทรงมีรับสั่งให้เขายกที่นอนของตนขึ้นทั้ง ๆ ที่เขาเป็นง่อย  แต่เมื่อเขายกที่นอนขึ้นเขาก็หายเหมือนคนธรรมดา  เรื่องนี้อยู่ใน โยฮัน 5.1-18
    (4) การเลี้ยงอาหารห้าพันคนด้วยขนมปัง 5 ก้อนกับปลา 2 ตัว  เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ฆาลิลาย  ฝังทะเลติเบเรีย  มีคนเป็นอันมากได้ตามพระเยซูไป  พระเยซูได้ทรงใช้อำนาจของพระองค์เพิ่มขนมปัง 5 ก้อนกับปลา 2 ตัว เลี้ยงคนทั้งหมดนับแต่ผู้ชายได้ 5,000 คน  เมื่อทุกคนกินเสร็จแล้วยังเหลืออีก 12 กระบุงเต็ม  เรื่องนี้อยู่ใน โยฮัน 6.1-14
    (5) การดำเนินบนพื้นน้ำ  ในโยฮัน 6.16-21  หลังจากได้แยกย้ายกลับบ้านของตน  พวกอัครสาวกได้ลงเรือกรรเชียงไปก่อน  ขณะที่กำลังเผชิญพายะในทะเล  พระเยซูได้เสด็จดำเนินบนผิวน้ำไปหาอัครสาวก  อัครสาวกทุกคนรู้สึกประหลาดใจมาก
    (6) ทรงรักษาคนตาบอด  ในหนังสือ โยฮัน 9.1-31  มีคนตาบอดตั้งแต่กำเนิดคนหนึ่งเป็นขอทาน  พระเยซูได้เอาน้ำผสมโคลนทาตาของคนตาบอด แล้วใช้ให้เขาไปล้างที่สระซีโลอาม  เมื่อเขาไปล้างก็กลับมองเห็นได้  บิดามารดาและคนที่พบเห็นก็อัศจรรย์ใจ
    (7) ทรงปลุกลาซะโรให้เป็นขึ้นมาจากตาย  ในโยฮัน 11.1-46  มีคนป่วยคนหนึ่งชื่อลาซะโร  อยู่บ้านเบธาเนีย  พร้อมด้วยพี่น้องสองคนชื่อ มาเรีย และ มาธา  ครอบครัวนี้เป็นที่โปรดปรานของพระเยซูมาก ต่อมาปรากฏว่าลาซะโรได้ถึงแต่ความตาย  มาเรียและมาธาได้ใช้คนไปตามพระเยซูมา  เมื่อพระเยซูไปถึงบ้านแล้วก็ปรากฏว่าลาซะโรได้ตายไปแล้วสี่วัน  พระเยซูสั่งให้เขาเปิดอุโมงค์ออกแล้วทรงตรัสด้วยเสียงอันดังว่า "ลาซะโรเอ๋ย จงออกมาเถิด"  ลาซะโรที่ตายไปแล้วจึงเป็นขึ้นมา มีหลายคนได้เห็นเหตุการณ์นั้นได้เชื่อ  รวมทั้งพวกศัตรูของพระเยซูด้วย
    ชีวิตของพระเยซูเป็นชีวิตที่บริสุทธิ์ไม่เหมือนกับมนุษย์ธรรมดา  คำสอนของพระองค์ลึกซึ้งและมีอิทธิพลเหนือชีวิตของคนนับล้าน  คำพยากรณ์ได้กล่าวไว้อย่างละเอียด  พระเยซูได้กระทำให้คำพยากรณ์เหล่านั้นสำเร็จ  และข้อพิสูจน์อีกประการหนึ่งคือ การอิทธิฤทธิ์และการมหัศจรรย์ของพระเยซู  ข้อพิสูจน์เหล่านี้มากพอแล้วสำหรับมนุษย์ที่จะยอมรับว่าพระเยซูมิใช่เป็นมนุษย์ปถุชนธรรมดา แต่พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า และเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของมนุษย์ทุกคน
 

ตอบคำถามแบบทดสอบ บทที่ 4  คลิกที่นี่

บทที่5