บทที่ 9

 

                                               บทที่9 

                      คริสเตียนเป็นสมาชิกในกายเดียวกัน

    คริสตจักรเป็นพระกายของพระคริสต์ เอเฟโซ 1.22-23 "พระองค์ได้ทรงปราบสิ่งสารพัดทั้งปวงลงไว้ใต้พระบาทของพระองค์ และได้ทรงตั้งพระองค์ไว้เป็นประมุขเหนือสิ่งสารพัดแห่งคริสตจ้กรซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ คือซึ่งเต็มบริบูรณ์ด้วยพระองค์ ผู้สถิตอยู่ทั่วทุกแห่งทุกตำบล"  โกโลซาย 1.18 "พระองค์เป็นศีรษะของกายคือคริสตจักรนั้น ด้วยพระองค์นั้นเป็นปฐม เป็นคนแรกที่เป็นขึ้นมาจากตาย  เพื่อพระองค์จะได้เป็นเอกในสรรพสิ่งทั้งปวง"  ประกอบด้วยสมาชิกหลาย ๆ คน สมาชิกเหล่านี้มีความรับผิดชอบร่วมกันและต่อกันและกัน (1โกรินโธ 12.12-27)  โรม 12.5 "เราทั้งหลายผู้เป็นหลายคนยังเป็นกายอันเดียวในพระคริสต์  และเป็นอวัยวะแก่กันและกันฉันนั้น" ขอให้เราศึกษาหน้าที่รับผิดชอบบางอย่างดังต่อไปนี้

1. "จงต้อนรับเลี้ยงดูซึ่งกันและกัน"
    "ท่านทั้งหลายจงต้อนรับเลี้ยงดูซึ่งกันและกันโดยไม่บ่น" (1เปโตร 4.9)  โปรดศึกษาโรม 12.13 "จงเข้าส่วนช่วยสิทธิชนในการขัดสนของเขา จงมีน้ำใจรับรองแขก"  เฮ็บราย 13.2 "อย่าลืมแสดงกริยาต้อนรับแขกแปลกหน้า เพราะว่าโดยอาการกระทำเช่นนั้น บางคนก็ได้รับรองทูตสวรรค์โดยไม่ทันรู้ตัว"  (1ติโมเธียว 5.10, 3.2,  ติโต 1.8)
    (1) ตัวอย่างผู้ที่ต้อนรับเลี้ยงดู  อับราฮาม เยเนซิศ 18.6 "ฝ่ายอับราฮามก็รีบเข้าไปในทับอาศัยบอกนางซาราว่า  จงเร่งจัดแจงแป้งที่ละเอียดสามทะนานมาขยำทำขนม"  หญิงชาวซุเนม  2พงศาวดารกษัตริย์ 4.8 "อยู่มาวันหนึ่งอะลีซาไปยังเมืองซุเนม  มีหญิงผู้ดีคนหนึ่งอยู่ที่นั่น  หญิงนั้นก็ชักชวนเชิญท่านเข้าไปรับประทานอาหาร  เมือท่านผ่านมาทางนั้นทุก ๆ ครั้ง ก็เคยแวะรับประทานอาหารที่นั่นเสมอ"  และมาธา  ลูกา 1.38-42  คนเหล่านี้เป็นผู้ต้อนรับแขกดี
    (2) การต้นรับแขกในบ้านของเราปัจจุบัน  เชิญสมาชิกคริสตจักรไปบ้านแขกที่มาเยี่ยม  เชิญพวกอนุชน การจัดประชุมโซนที่บ้าน เชิญสมาชิกคริสเตียนใหม่ ฯลฯ

2. "รักซึ่งกันและกัน"
    "สิ่งเหล่านี้เราสั่งท่านทั้งหลายไว้เพื่อท่านจะรักซึ่งกันและกัน" (โยฮัน 15.17)  โปรดศึกษา 1เปโตร 1.22-23  "โดยเหตุที่ท่านทั้งหลายได้ชำระจิตใจของตนแล้วด้วยเชื่อฟังความจริง  จนมีใจรักพวกพี่น้องด้วยความรักอันแท้  ท่านทั้งหลายจงรักซึ่งกันและกันเป็นอันมากด้วยน้ำใสใจจริงด้วยว่าท่านทั้งหลายได้บังเกิดใหม่  ไม่ใช่จากพืชที่จะเปื่อยเน่าเสีย  แต่จากพืชอันไม่รู้เปื่อยเน่าคือด้วยพระคำของพระเจ้า"  เฮ็บราย 13.1 "จงให้ความรักพวกพี่น้องมีต่อกันอยู่เสมอไป"  (เอเฟโซ 4.31-32)
    (1) ความจำเป็นสำหรับความรักฉันพี่น้อง
        (ก) เป็นเครื่องหมายของการเป็นศิษย์แท้  โยฮัน 13.35  "คนทั้งปวงจะรู้ได้ว่าเจ้าเป็นเหล่าสาวกของเราก็เพราะว่าเจ้าทั้งหลายซึ่งกันและกัน"
        (ข) เป็นคำสั่ง  โยฮัน 15.12 "นี่แหละเป็นบัญญัติของเรา คือให้ท่านทั้งหลายรักกันและกันเหมือนเราได้รักท่าน"  1โยฮัน 4.21 "พระบัญญัตินี้แหละเราทั้งหลายได้มาจากพระองค์คือว่า ให้คนที่รักพระเจ้ารักพี่น้องของตนด้วย"
        โปรดอ่าน 1โยฮัน 2.3-4  "ถ้าเราประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์  เราคงทราบว่าเรารู้จักพระองค์  คนใด ๆ ที่ว่า "ข้าพเจ้ารักพระองค์  แต่มิได้ประพฤติตามบัญญัติของพระองค์  คนนั้นเป็นคนพูดมุสาและความจริงไม่ได้อยู่ในคนนั้นเลย"  (วิวรณ์ 22.14,  1โยฮัน 3.23-24)
        (ค) เป็นสิ่งเยี่ยมที่สุด  1เปโตร 4.8  "ยิ่งกว่าอะไรหมดก็จงรักซึ่งกันและกันให้มาก  ด้วยว่าความรักก็ปกปิดความผิดไว้มากหลาย"
        (ง) เป็นการทำให้พระบัญญัติสำเร็จ  โรม 13.10  "ความรักไม่ประทุษร้ายแก่เพื่อนบ้าน เหตุฉะนั้นความรักจึงเป็นที่ให้พระบัญญัติสำเร็จ"
        (จ) เป็นพระบัญญัติที่สำคัญอันดับสอง   มัดธาย 22.37-40  "พระเยซูทรงตอบเขาว่า จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าด้วยสุดใจสุดจิตของเจ้า  และด้วยสิ้นสุดความคิดของเจ้า  นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อต้นข้อใหญ่  ข้อที่สองก็เหมือนกันคือจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง  บัญญัติและคำพยากรณ์ทั้งสิ้นก็รวมอยู่ในบัญญัติสองข้อนี้"
        (ฉ) จะต้องรักษาพระบัญญัติข้อนี้เพื่อจะไม่สะดุด  1โยฮัน 2.10  "ผู้ที่รักพี่น้องของตนจึงอยู่ในความสว่าง  และไม่มีช่องที่จะให้สะดุดสะดากในคนนั้นเลย"
        (ช) เราต้องรักษาพระบัญญัติข้อนี้  ถ้าเราจะดำเนินอยู่ในความสว่าง  1โยฮัน 2.9-11 "คนใดที่กล่าวว่าตนอยุ่ในความสว่างและยังเกลียดชังพี่น้องของตัวก็อยู่ในความมืด  และไม่รู้ว่าตัวไปข้างไหนเพราะว่าความมืดทำให้ตาของเขาบอดไปเสียแล้ว"
        (ซ) เป็นเครื่องหมายของการเป็นบุตรของพรเจ้า  1โยฮัน 3.10 "เช่นนั้นแหละจึงได้ปรากฏว่าใครเป็นบุตรของพระเจ้า  และใครเป็นลูกของมารคือว่าคนใดที่ไม่ได้ประพฤติตามความชอบธรรมและไม่ได้รักพี่น้องของตน คนนั้นก็ไม่ได้บังเกิดมาจากพระเจ้า"
        (ฌ) เป็นเครื่องหมายของการกลับใจบังเกิดใหม่และชีวิตฝ่ายวิญญาณจิต   1โยฮัน 3.14 "เราทั้งหลายรู้ว่าเราพ้นจากความตายไปถึงซึ่งชีวิตแล้ว  เพราะเรารักพวกพี่น้องคนใดที่ไม่มีความรักผู้นั้นก็ยังอยู่ในความตาย"
        (ญ) ถ้าปราศจากความรัก เราเป็นดุจฆาตกร  1โยฮัน 3.15  "ผู้หนึ่งผู้ใดที่เกลียดชังพี่น้องของตนก็ย่อมเป็นผู้ฆ่าคนและท่านทั้งหลายรู้แล้วว่า ผู้ฆ่าคนไม่มีชีวิตนิรันดร์อยู่ในตัวเลย"
        (ฎ) เราต้องยึดถือเพื่อเป็นของพระเจ้า เพื่อบังเกิดจากพระเจ้าและเพื่อรู้จักพระเจ้า  1โยฮัน 4.7-8 "ดูก่อนพวกพี่รัก ให้เราทั้งหลายรักซึ่งกันและกัน เพราะว่าความรักเป็นมาจากพระเจ้า  และทุกคนที่รักก็บังเกิดมาจากพระเจ้า  และรู้จักพระเจ้า  ผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้า  เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก"
        (ฏ) เราควรรักซึ่งกันและกันเพราะพระเจ้าทรงรักเรา  1โยฮัน 4.11 "ดูก่อนพวกที่รัก ถ้าพระเจ้าทรงรักเราทั้งหลายเช่นนั้น เราก็ควรจะรักซึ่งกันและกันด้วย"
        (ฐ) เราควรรักซึ่งกันและกันเพราะพระเจ้าทรงสถิตอยู่ในเรา  ความรักของพระองค์สำเร็จในเรา  1โยฮัน 4.12 "หามีคนใดได้แลเห็นพระเจ้าในเวลาใดไม่  ถ้าเราทั้งหลายรักซึ่งกันและกัน  พระเจ้าสถิตอยู่ในเราทั้งหลายและความรักของพระองค์ก็สำเร็จในเรา"
        (ฑ) ถ้าเราไม่รักซึ่งกันและกัน เราก็ไม่มีความรักต่อพระเจ้า  1โยฮัน 4.20 "ถ้าผู้ใดว่า ข้าพเจ้ารักพระเจ้า  และใจยังเกลียดชังพี่น้องของตัวผู้นั้นเป็นคนพูดมุสา  เพราะว่าผู้ที่ไม่รักพี่น้องของตนที่แลเห็นแล้วจะรักพระเจ้าที่ยังไม่ได้แลเห็นอย่างไรได้?"
    (2) ข้อปฏิบัติในการักพี่น้อง
        (ก) เราควรรักซึ่งกันและกันเหมือนองค์พระผู้เป็นเจ้ารักเรา  โยฮัน 13.34 "เราให้บัญญัติใหม่ไว้แก่เจ้าทั้งหลาย  คือให้เจ้ารักซึ่งกันและกัน เรารักเจ้าทั้งหลายมาแล้วฉันใด เจ้าจงรักซึ่งกันและกันด้วยฉันนั้น"  พระองค์ทรงรักเรามากจนยินดีเสียสละชีวิตของพระองค์  โยฮัน 3.16  "เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลกจนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะมิได้พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์"
        (ข) เราควรรักซึ่งกันและกันเหมือนเรารักตนเอง  มัดธาย 22.39 "ข้อที่สองก็เหมือนกันคือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง"
        (ค) เราควรรักซึ่งกันและกันด้วยความรักอันแท้  และด้วยน้ำใสใจจริง  1เปโตร 1.22  "โดยเหตุที่ท่านทั้งหลายได้ชำระจิตใจของตนแล้วด้วยเชื่อฟังความจริง จนมีใจรักพวกพี่น้องด้วยความรักอันแท้  ท่านทั้งหลายจงรักซึ่งกันและกันเป็นอันมากด้วยน้ำใสใจจริง" คำว่า "ด้วยน้ำใสใจจริง" หมายความว่า รักแท้, จริงใจ, อดทน  ใจของเราควรบริสุทธิ์จากการอิจฉา, แค้น, เกลียด, ขุ่นเคือง, ริษยา, ใจอคติ ฯลฯ
        (ง) เราควรรักซึ่งกันและกันด้วยการกระทำมิใช่ด้วยวาจาเท่านั้น  1โยฮัน 3.18 "ดูก่อนลูกเล็ก ๆ ทั้งหลาย อย่าให้เรารักเพียงแต่ถ้อยคำและลิ้นเท่านั้น  แต่ให้เรารักด้วยการประพฤติและด้วยความจริง"  โปรดดู ฆะลาเตีย 6.10,  ลูกา 10.30-37,  มัดธาย 25.31-46,  กิจการ 11.27-30
        (จ) พิจารณาดู 1โกรินโธ 13.4-7  "ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้  ความรักไม่อิจฉา ไม่อวยตัว ไม่จองหอง ไม่ได้กระทำสิ่งอันเป็นที่น่าอายกระดาก  ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่มีใจหงุดหงิด ไม่ช่างจดจำความผิด  ไม่ยินดีในการประพฤติผิด  แต่มีความยินดีในการประพฤติชอบ  ไม่แคะไค้คุ้ยเขี่ยความผิดของเขา  และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ  และมีความหวังอยู่เสมอ  และเพียรทนเอาทุกอย่าง"  จะช่วยให้เข้าใจการแสดงความรักต่อพี่น้องได้เป็นอย่างดี

3. "จงอธิษฐานเพื่อกันและกัน"
    ยาโกโบ 5.16 "เหตุ​ฉะนั้น​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​สารภาพ​รับ​ผิด​ต่อ​กัน​และ​กัน, และ​จง​อธิษฐาน​เพื่อ​กัน​และ​กัน, เพื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​หาย​โรค คำ​อธิษฐาน​ด้วย​ใจ​ร้อน​รน​แห่ง​ผู้​ชอบ​ธรรม​ก็​มี​อำนาจ​มาก ซึ่ง​จะ​นำ​ให้​เกิด​ผล"  การที่ไม่อธิษฐานเพื่อกันและกันเป็นการบาป  1ซามูเอล 12.23 " อีก​ประการ​หนึ่ง, ​ส่วน​ข้าพ​เจ้า, ​ขอ​พระ​ยะ​โฮ​วา​ทรง​ห้ามปราม​อย่า​ให้​ข้าพ​เจ้า​กระทำ​ผิด​ต่อ​พระองค์, ​โดย​เว้น​คำอธิษฐาน​เพื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย, ​แต่​ข้าพ​เจ้า​จะ​สั่งสอน​ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย​รู้​ทาง​ดี, ​และ​ทาง​ชอบธรรม"  เราต้องหลีกเลี่ยงความเห็นแก่ตัวเมื่อเราอธิษฐาน
    ลูกา 18.14 "เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า, คน​นี้​แหละ​เมื่อ​กลับไป​ยัง​บ้าน​ของ​ตน​ก็​นับ​ว่า​ชอบ​ธรรม​ยิ่ง​กว่า​อีก​คน​หนึ่ง​นั้น เพราะว่า​ทุก​คน​ที่​ยก​ตัว​ขึ้น​จะต้อง​ถูก​เหยียด​ลง, แต่​ทุก​คน​ที่​ได้​ถ่อม​ตัว​ลง​จะ​ต้อง​ถูก​ยก​ขึ้น"
    (1) ตัวอย่างของผู้ที่อธิษฐานเพื่อผู้อื่น  เช่น (1) อัครสาวกเปาโล  ฟิลิปปอย 1.4, 9 "และทุกเวลาที่ข้าพเจ้าอธิษฐานเพื่อท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าไดทูลขอด้วยใจยินดี"  (ข้อ 9) "และข้าพเจ้าอธิษฐานขอดังนี้ว่า ให้ความรักของท่านทั้งหลายจำเริญยิ่ง ๆ ขึ้นในความรู้ และในการสังเกตทุกอย่าง"  (โกโลซาย 1.3, 9-11,  1เธซะโลนิเก 1.2,  2ติโมเธียว 1.3)   (2) โมเซ  เอ็กโซโด 32.31  "โมเซจึงกลับไปเฝ้าพระยะโฮวาทูลว่า  โอพระเจ้าข้า พลไพร่นี้ได้ทำผิดใหญ่ยิ่ง  เขาได้ทำพระด้วยทองคำ"   (3) พระเยซู  โยฮัน 17.3 "นี่แหละเป็นชีวิตนิรันดร์ คือว่าให้เขารู้จักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว  และรู้จักผู้ที่พระองค์ทรงใช้มาคือพระเยซูคริสต์"  ทั้งหมดที่กล่าวมาได้อธิษฐานเพื่อผู้อื่น
    (2) ในการอธิษฐานเพื่อผู้อื่นนั้น  เราควรอธิษฐานเพื่อผู้ใดโดยเฉพาะ?  
        1) เผื่อผู้ปกครอง  เฮ็บราย 13.17 "ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​เชื่อ​ฟัง​และ​ยอม​อยู่​ใน​โอวาท​ของ​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ปกครอง​ท่าน ด้วย​ว่า​ท่าน​เหล่านั้น​คอย​ระวัง​ดู​จิตต์​วิญญาณ​ของ​ท่าน, เหมือน​กับ​ผู้​ที่​จะ​ต้อง​รายงาน เพื่อ​เขา​จะ​ได้​ทำ​การ​นี้​ด้วย​ความ​ชื่น​ใจ, ไม่ใช่​ด้วย​ความ​เศร้า​ใจ เพราะว่า​ที่​ทำ​ดังนั้น​ก็​จะ​ไม่​เป็น​ประ​โยชน์​อะไร​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย"
        2) เพื่อนักเทศน์  เอเฟโซ 6.18-20  "และ​โดย​คำ​อธิษฐาน​วิงวอน​ทุก​อย่าง จง​ขอโดย​พระ​วิญญาณ​ทุก​เวลา จง​ระวัง​ตัว​ด้วย​ความ​เพียร​ทุก​อย่าง และ​อธิษฐาน​เพื่อ​สิทธิ​ชน​ทั้งหมด,  และ​อธิษฐาน​เพื่อ​ข้าพ​เจ้า​ด้วย เพื่อ​จะ​ทรง​ประทาน​ให้​ข้าพ​เจ้า​มี​คำ​พูด​และ​เกิด​ใจ​กล้า​ออก​ปาก​สำแดง​ข้อ​ลับ​ลึก​แห่ง​กิตติ​คุณ  เพราะ​กิตติ​คุณ​นั้น​แหละ​ข้าพ​เจ้า​เป็น​ทูต​แต่​ต้อง​ติด​โซ่​อยู่ เพื่อ​ข้าพ​เจ้า​จะ​ได้​เล่า​กิตติ​คุณ​นั้น​ด้วย​ใจ​กล้า​ตาม​ที่​ข้าพ​เจ้า​ควร​จะ​กล่าว"
        3) เพื่อคนเจ็บ  ยาโกโบ 5.14  "ใน​พวก​ท่าน​มี​ผู้ใด​ป่วย​หรือ ก็​ให้​ผู้​นั้น​เชิญ​พวก​ผู้ปกครอง​ใน​คริสตจักร​มา​อธิษฐาน​เพื่อ​เขา และ​ชะโลม​ทา​เขา​ด้วย​น้ำมัน​ใน​พระ​นาม​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า"
        4) เพื่อสมาชิกทุกคน  ฟิลิปปอย 1.9 " และ​ข้าพ​เจ้า​อธิษฐาน​ขอ​ดังนี้​ว่า, ให้​ความ​รัก​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จำเริญ​ยิ่งๆ ขึ้น​ใน​ความรู้, และ​ใน​การ​สังเกต​ทุก​อย่าง  เพื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​พิจารณา​ได้​ว่า​ไหน​ประเสริฐ และ​เพื่อ​ท่าน​จะ​ได้​เป็น​คน​สัตย์​ซื่อ และ​ไม่​เป็น​ที่​ติ​ได้​จน​ถึง​กาล​วัน​แห่ง​พระ​คริสต์"

4. "จงสารภาพรับผิดต่อกันและกัน"
    ยาโกโบ 5.16 " เหตุ​ฉะนั้น​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​สารภาพ​รับ​ผิด​ต่อ​กัน​และ​กัน, และ​จง​อธิษฐาน​เพื่อ​กัน​และ​กัน, เพื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​หาย​โรค คำ​อธิษฐาน​ด้วย​ใจ​ร้อน​รน​แห่ง​ผู้​ชอบ​ธรรม​ก็​มี​อำนาจ​มาก ซึ่ง​จะ​นำ​ให้​เกิด​ผล"  โปรดดู 1โยฮัน 1.8-10
    (1) หมายถึง สารภาพความอ่อนแอของตนเพื่อขอคำแนะนำช่วยเหลือจากพี่น้องเพื่อจะได้รับชัยชนะ
    (2) อาจหมายถึงการสารภาพต่อหน้าที่ประชุม  เพื่อขอให้คริสตจักรอธิษฐานเผื่อเขา  เพื่อจะได้รับการหนุนใจเพื่อชีวิตที่ดีต่อไป
    (3) หมายถึง การขอโทษจากพี่น้องเมื่อเราทำผิดแล้วกลับใจ
    ลูกา 17.3-4 "จง​ระวัง​ตัว​ให้​ดี​ถ้า​พี่​น้อง​ผิด​ต่อ​ท่าน, จง​ต่อ​ว่า​เขา​และ​ถ้า​เขา​กลับ​ใจ​แล้ว, จง​ยก​โทษ​ให้​เขา  แม้​เขา​จะ​ผิด​ต่อ​ท่าน​วัน​ละ​เจ็ด​หน, และ​จะ​กลับ​มา​หา​ท่าน​ทั้ง​เจ็ด​หน​นั้น​แล้ว​ว่า ‘ฉัน​กลับ​ใจ​แล้ว’ จง​ยก​โทษ​ให้​เขา​เถิด"

5. "พิจารณาดูกันและกัน"
    เฮ็บราย 10.24 "และ​ให้​เรา​พิจารณา​ดู​กัน​และ​กัน, เพื่อ​เป็น​เหตุ​ให้​บังเกิด​ใจ​รัก​ซึ่ง​กัน​และ​กัน​และ​กระทำ​การ​ดี"  เราควรพิจารณาความรู้สึกของกันและกัน
    (1) เราควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้เกิดความหมางใจกัน  ฟิลิปปอย 2.4 "อย่า​ให้​ต่าง​คน​ต่าง​คิด​แต่​การ​งาน​ของ​ตน​ฝ่าย​เดียว, แต่​ให้​คิด​ถึง​การ​งาน​ของ​คน​อื่นๆ ด้วย  ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​มี​น้ำใจ​อย่าง​นี้, เหมือน​อย่าง​ที่​พระ​เยซู​คริสต์​ได้​ทรง​มี​ด้วย"
    (2) เราควรพิจารณาชื่อเสียงและอิทธิพลซึ่งกันและกัน  ควรหลีกเลี่ยงคำพูดที่อาจทำลายชื่อเสียงของผู้อื่น  เพราะจะเป็นการทำลายอิทธิพลความนับถือของผู้นั้นไปเสีย  1ติโมเธียว 4.11-12 "จง​บัญชา​และ​สั่ง​สอน​ข้อความ​เหล่านี้​เถิด   อย่า​ให้​ผู้ใด​หมิ่น​ประมาท​ความ​หนุ่ม​แน่น​ของ​ท่าน, แต่​จง​เป็น​แบบ​แก่​คน​ทั้ง​ปวง​ที่​เชื่อ ในทาง​วาจา, การ​ประพฤติ, ความ​รัก, ความ​เชื่อ, และ​ความ​บริสุทธิ์"
    (3) เราควรพิจารณาใจวินิจฉัยของผู้อื่น  1โกรินโธ 8.12-13 "และ​เมื่อ​ท่าน​ทำ​ผิด​อย่าง​นั้น​ต่อ​พวก​พี่​น้อง โดย​ทำ​ร้าย​แก่​ใจ​วินิจฉัย​ผิด​และ​ชอบ​อัน​อ่อน​ของ​เขา, ดังนั้น​ท่าน​จึง​ได้​กระทำ​ผิด​ต่อ​พระ​คริสต์​ด้วย   เหตุ​ฉะนั้น​ถ้า​อาหาร​เป็น​เหตุ​ให้​พี่​น้อง​ของ​ข้าพ​เจ้า​หลง​ผิด, ข้าพ​เจ้า​ก็​จะ​ไม่​กิน​เนื้อ​สัตว์​ต่อไป​เป็น​นิตย์, เกรง​ว่า​ข้าพ​เจ้า​จะ​ทำ​ให้​พี่​น้อง​หลง​ผิด​ไป" 

6. "จงปรนนิบัติรับใช้กันและกัน"
    ฆะลาเตีย 5.13  "ดูก่อน​พวก​พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย, ที่​ทรง​เรียก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​นั้น​ก็​เพื่อ​จะ​ให้​มี​เสรีภาพ แต่​อย่า​เอา​เสรีภาพ​ของ​ท่าน​เป็น​ช่อง​สำหรับ​ปล่อย​ตัว​ไป​ตาม​เนื้อ​หนัง จง​ปรนนิบัติ​ซึ่ง​กัน​และ​กัน​โดย​ความ​รัก​เถิด"  โปรดดู 1เปโตร 4.10
    (1) การรับใช้ผู้อื่นเป็นเนื้อแท้ของความยิ่งใหญ่  มัดธาย 20.27-28 "ถ้า​ผู้ใด​ใคร่​จะ​ได้​เป็น​เอก​เป็น​ต้น​ก็​ให้​ผู้​นั้น​เป็น​ทาส​ของ​พวก​ท่าน  แม้ว่า​บุตร​มนุษย์​ก็​ดี​มิได้​มา​เพื่อ​ให้​เขา​ปรนนิบัติแต่​ท่าน​มา​เพื่อ​จะ​ปรนนิบัติ​เขา, และ​ประทาน​ชีวิต​ของ​ท่าน​ให้​เป็น​ค่า​ไถ่​คน​เป็น​อัน​มาก"  ความเป็นใหญ่มิได้วัดกันว่าบุคคลมีลูกจ้างกี่คน  แต่วัดกันว่าเขาบริการผู้อื่นมากน้อยเพียงไร
    (2) การรับใช้ผู้อื่นเท่ากับรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า  มัดธาย 25.40  "แล้ว​พระมหา​กษัตริย์​จะ​ตรัส​แก่​เขา​ว่า ‘เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ตาม​จริง​ว่า ซึ่ง​ท่าน​ได้​กระทำ​แก่​ผู้​เล็กน้อย​ที่สุด​คน​หนึ่ง​ใน​พวก​พี่​น้อง​ของ​เรา​นี้ ก็​เหมือน​ท่าน​ได้​กระทำ​แก่​เรา​ด้วย"  (กิจการ 9.1-4)  ถ้าพระเยซูอยู่ในโลกนี้  เราคงรับใช้พระองค์เหมือนมาเรีย, มาธา และลาซะโร  แต่ก็เป็นไปไม่ได้  อย่างไรก็ตามเราสามารถรับใช้พระองค์ได้โดยการปรนนิบัติรับใช้ผู้อื่น

7. "เตือนสติกันและกัน"
    เฮ็บราย 3.13 "แต่​ว่า​จง​เตือน​สติ​ซึ่ง​กัน​และ​กัน​ทุก​วัน, เมื่อ​ยัง​เรียก​ได้​ว่า​เป็น วันนี้, เกรง​ว่า​ใน​พวก​ท่าน​จะ​มี​คน​หนึ่ง​คน​ใด​ถูก​อุบาย​ของ​ความ​บาป ทำ​ให้​ใจ​แข็ง​กะด้าง​ไป"  (โปรดดู เฮ็บราย 10.25,  2ติโมเธียว 4.1-2,  1ติโมเธียว 4.13)  บาระนาบาเป็นตัวอย่างดีในการหนุนใจและเตือนสติผู้อื่น  กิจการ 11.24  "ด้วย​บา​ระ​นา​บา​นั้น​เป็น​คน​ดี​ประกอบ​ด้วย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​และ​ความ​เชื่อ จำนวน​คน​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ก็​ได้​ทวี​ขึ้น​เป็น​อัน​มาก"

8. "จงเล้าโลมซึ่งกันและกัน"
    1เธซะโลนิเก 4.18 "เหตุฉะนั้นจงเล้าโลมซึ่งกันและด้วยคำเหล่านี้เถิด"  ในยามเศร้าโศกเป็นเวลาที่เราควรเล้าโลมซึ่งกันและกัน  เราอาจทำได้โดยวิธีการดังต่อไปนี้
    (1) ช่วยทำอาหารไปให้ครอบครัวของผู้ที่สูญเสียผู้เป็นที่รักไป หรือ ช่วยเหลือในสิ่งที่จำเป็น
    (2) ไปในงานพิธีศพ
    (3) ส่งสิ่งของที่ระสึกไปให้
    (4) ส่งการ์ดไปเล้าโลมจิตใจ
    (5) แสดงคำพูดที่เห็นใจและสงสาร
    (6) ไปเยี่ยมเยียนเขา
    โดยการทำเช่นนี้ก็เท่ากับว่าเราร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้  โรม 12.15 " จง​มี​ใจ​ยินดี​ด้วยกัน​กับ​ผู้​ที่​มี​ความ​ยินดี จง​ร้องไห้​ด้วยกัน​กับ​ผู้​ที่​ร้องไห้"
 

ตอบคำถามแบบทดสอบ บทที่ 9  คลิกที่นี่

บทที่10