บทที่ 10

 

                                           บทที่10 

                           ผู้นำวิญญาณคือผู้ที่มีปัญญา

    ท่านต้องการไปสวรรค์แต่เพียงผู้เดียวหรือ?  ถ้าเช่นนั้นอย่าหวังว่าท่านจะได้ไป  เพราะท่านจะไปไม่ถึงแน่  สิ่งที่คิรสตจักรต้องการมากที่สุด  ไม่ใช่สร้างที่ประชุม  จริงอยู่ที่ประชุมนมัสการก็สำคัญเหมือนกัน  แต่สิ่งที่คริสตจักรต้องการมากที่สุด คือการนำวิญญาณ  โกโลซาย 1.23 "คือถ้าท่านทั้งหลายดำรงและตั้งยั่งยืนมั่นคงอยู่ในความเชื่อ  และไม่โยกย้ายไปเสียจากความไว้ใจในกิตติคุณซึ่งท่านได้ยินแล้ว  ซึ่งได้ประกาศแก่มนุษย์ทุกคนที่อยู่ใต้ฟ้า  ข้าพเจ้าเปาโลเป็นผู้รับใช้ในกิตติคุณนั้นแล้ว"  กิจการ 8.4 "เหตุฉะนั้นสานุศิษย์ทั้งหลายซึ่งกระจัดกระจายไปก็ได้เที่ยวประกาศพระคำนั้น"  ถ้าเปรียบเทียบความสำเร็จของคริสตจักรเริ่มแรกกับความสำเร็จของคริสตจักรในปัจจุบัน  เรามองเห็นได้ทันทีว่าคริสตจักรในปัจจุบันขาดบางสิ่งบางอย่าง  ความบกพร่องมิใช่เรื่องแผนในการดำเนินงาน  มิใช่คำสอน  แต่ขึ้นอยู่กับการยอมมอบถวายชีวิตของคริสเตียน  เราสนใจแต่เพียงความรอดของตัวเราเอง  แต่มิใช่ความรอดของผู้อื่น เรามียานพาหนะเดินทางไปไหนมาไหนได้  แต่เราไม่รู้จักไปประกาศสั่งสอนผู้อื่น  สุภาษิต 11.30 "ผลของความชอบธรรมก็คือต้นไม้แห่งชีวิต  และบุคคลผู้มีปัญญาย่อมมีชัยแก่วิญญาณหลายดวง"  (ดานิเอล 12.3)

1. ทำไมเราควรเป็นผู้นำวิญญาณ?
    (1) เพราะพระเยซูทรงเป็นผู้นำวิญญาณ  ลูกา 19.10 "เพราะว่าบุตรมนุษย์ได้มาเพื่อจะแสวงหาและช่วยผู้ที่หลงหายให้รอด"  คำสอนของพระเยซูแก่คนจำนวนมาก ๆ มีบันทึกไว้เพียงสิบหกรายเท่านั้น  บทเรียนอื่น ๆ ของพระเยซูเป็นการส่วนตัว  โยฮัน 3.1-2 "มี​คน​หนึ่ง​ใน​พวก​ฟา​ริ​ซาย​ชื่อ​นิ​โก​เด​โม​เป็น​ขุน​นางใน​พวก​ยู​ดาย  คน​นั้น​ได้มา​หา​พระ​เยซู​เวลา​กลางคืน​ทูล​พระ​องค์​ว่า, “อาจารย์​เจ้า​ข้า ข้าพ​เจ้า​รู้​อยู่​ว่า​ท่าน​เป็น​ครู​มา​จาก​พระ​เจ้า, เพราะว่า​ไม่​มี​ผู้ใด​อาจ​กระทำ​นิมิตต์​ซึ่ง​ท่าน​ได้​กระทำ​นั้น​เว้น​ไว้​พระ​เจ้า​สถิต​อยู่​ด้วย"  พระเยซูทรงตอบเขาว่า "เราบอกท่านตามจริงว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่แล้ว  จะเห็นแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้"  โยฮัน 4.6-7 "บ่อ​น้ำ​ของ​ยา​โคบ​ก็​อยู่​ที่​นั่น พระ​เยซู​ดำเนิน​ทาง​เหนื่อย​จึง​ทรง​นั่ง​ลง​ที่​บ่อ​นั้น. เป็น​เวลา​ประมาณ​เที่ยง  มี​ผู้หญิง​คน​หนึ่ง​ชาติ​ซะ​มา​เรีย​มา​ตัก​น้ำ พระ​เยซู​จึง​ตรัส​แก่​เขา​ว่า “ขอ​น้ำ​ให้​เรา​กิน​บ้าง"  พระเยซูได้เปลี่ยนแปลงโลกวิธีที่พระองค์ใช้คือ "การนำวิญญาณตัวต่อตัว" โปรดดู 1เปโตร 2.21
    (2) พวกสาวกเริ่มแรกเป็นผู้นำวิญญาณ  กิจการ 5.42 "เขา​จึง​ได้​สั่ง​สอน​ประกาศ​กิตติ​คุณ​ของ​พระ​เยซู​คริสต์ ใน​โบสถ์​และ​ตาม​บ้านเรือน​ทุกๆ วัน​มิได้​ขาด"  เราปฏิบัติตามแบบของคริสตจักรเริ่มแรกหลายสิ่งหลายอย่าง เช่น พิธีระลึก ฯลฯ  ทำไมเราไม่ปฏิบัติตามแบบเขาในการนำวิญญาณบ้าง?
    (3) ทุกคนมีความบังคับให้เป็นผู้นำวิญญาณตัวต่อตัว  มัดธาย 28.19 " เหตุ​ฉะนั้น​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​ออกไป​สั่ง​สอน​ชน​ทุก​ประเทศ​ให้​เป็น​สาวก. ให้​รับ​บัพ​ติศ​มา​ใน​นาม​แห่ง​พระ​บิดา​และ​พระ​บุตร​และ​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์"  2ติโมเธียว 2.2 " จง​ฝาก​ข้อความ​เหล่านั้น ซึ่ง​ท่าน​ได้​ยิน​จาก​ข้าพ​เจ้า​ต่อ​หน้า​พะยาน​หลาย​คน​ไว้​กับ​คน​สัตย์​ซื่อ, ที่​สามารถ​สอน​คน​อื่น​ได้​ด้วย"  ความรับผิดชอบดังกล่าวผู้อื่นทำหน้าที่แทนเราไม่ได้  คริสเตียนทุก ๆ คนต้องทำหน้าที่อันนี้ด้วยตัวของตัวเอง ฉะนั้นขออย่าให้เราหลีกเลี่ยงหน้าที่นี้  "ให้นาย ก. ทำก็แล้วกัน"  เพราะการนำวิญญาณเป็นคำสั่ง  โปรดสังเกต  โยฮัน 14.15 " ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​รัก​เรา, ท่าน​ก็​จะ​ประ​พฤติ​ตาม​บัญญัติ​ของ​เรา"
    (4) คำตรัสสั่งอันยิ่งใหญ่จะไม่สำเร็จ  เว้นไว้คริสเตียนทุกคนจะเป็นผู้เผยแพร่  มัดธาย 28.18-20 "พระ​เยซู​เจ้า​จึง​เสด็จ​มา​ใกล้ๆ แล้ว​ตรัส​แก่​เขา​ว่า, “ฤทธา​นุ​ภาพ​ทั้งสิ้น​ใน​สวรรค์​ก็​ดี, ใน​แผ่น​ดิน​โลก​ก็​ดี, ทรง​มอบ​ไว้​แก่​เรา​แล้ว   เหตุ​ฉะนั้น​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​ออกไป​สั่ง​สอน​ชน​ทุก​ประเทศ​ให้​เป็น​สาวก ให้​รับ​บัพ​ติศ​มา​ใน​นาม​แห่ง​พระ​บิดา​และ​พระ​บุตร​และ​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์  สอน​เขา​ให้​ถือ​รักษา​สิ่ง​สาร​พัตร​ซึ่ง​เรา​ได้​สั่ง​พวก​ท่าน​ไว้ ​นี่​แหละ, เรา​จะ​อยู่​กับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เสมอ​ไป​เป็น​นิตย์​กว่า​จะ​สิ้น​โลก"  มาระโก 16.15-16 " ฝ่าย​พระ​องค์​จึง​ตรัส​สั่ง​พวก​สาวก​ว่า, “ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​ออกไป​ทั่ว​โลก​ประกาศ​กิตติ​คุณ​แก่​มนุษย์​ทุก​คน   ผู้ใด​ได้​เชื่อ​และ​รับ​บัพ​ติศ​มาแล้ว​ผู้​นั้น​จะ​รอด แต่​ผู้ใด​ไม่​เชื่อ​จะ​ต้อง​ปรับ​โทษ"  เป็นไปไม่ได้ที่นักเทศน์แต่เพียงผู้เดียวหรือคนสองสามคนจะเป็นผู้นำวิญญาณไปถึงมนุษย์ทุกคน  คนที่เกิดมาก็มีมากและคนที่ตายก็มีมากเราจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ถ้าคริสเตียนทุกคนไม่ร่วมมือ
    (5) ทำไมเราควรนำวิญญาณ  เพราะเป็นการรักษาจิตวิญญาณของเราเอง  กิจการ 2.40-42 "เป​โตร​จึง​อ้าง​พะยาน​ด้วย​คำ​อื่น​หลาย​คำ และ​ได้​เตือนสติ​เขา​ว่า, “จง​เอา​ตัว​รอด​จาก​คน​ชาติ​ทุ​จจริต​นี้​เถิด”  ฝ่าย​ชน​ทั้ง​หลาย​ซึ่ง​ได้รับ​คำ​ของ​เป​โตร​ก็​รับ​บัพ​ติศ​มา และ​ใน​วัน​นั้น​มี​คน​เข้า​เป็น​สาวก​ประมาณ​สาม​พัน​คน   เขา​ทั้ง​หลาย​ได้​ตั้ง​มั่นคง​อยู่​ใน​คำ​สอน​ของ​จำพวก​อัคร​สาวก, และ​ร่วม​ใจ​กัน​ใน​การ​หัก​ขนม​ปัง​และ​การ​อธิษฐาน"  เรารอดก็เพื่อจะช่วยผู้อื่นให้รอด  หรือถ้าไม่ทำเช่นนั้นเราก็จะพินาศ  ไม่มีทางเลือก
    (6) การช่วยจิตวิญญาณของผู้อื่นให้รอด เป็นกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่บุคคลสามารถทำแก่ผู้อื่น  มัดธาย 16.26 "เพราะ​ถ้า​ผู้ใด​จะ​ได้​สิ่งของ​สิ้น​ทั้ง​โลก, แต่​ต้อง​เสียชีวิต​ของ​ตน​จะ​เป็น​ประ​โยชน์​อะไร? หรือ​ใคร​จะ​เอา​อะไร​มา​แลก​กับ​ชีวิต​ของ​ตน"  การช่วยเหลือคนให้พ้นจากอันตรายหรือให้พ้นจากความตาย  ไม่สามารถเปรียบได้กับการช่วยจิตวิญญาณให้รอด
    (7) เราเป็นหนี้  โรม 1.14-16 "ข้าพ​เจ้า​เป็น​หนี้​ทั้ง​พวก​เฮ​เลน​และ​พวก​ต่างประเทศ​ด้วย, เป็น​หนี้​ทั้ง​นักปราชญ์​และ​คน​เขลา​ด้วย.  เหตุ​ฉะนั้น​ส่วน​ข้าพ​เจ้า​เต็ม​ใจ​พร้อม​ที่​จะ​ประกาศ​กิตติ​คุณ​นั้น​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ที่​อยู่​ใน​กรุง​โรม​ด้วย   ด้วย​ว่า​ข้าพ​เจ้า​ไม่​มี​ความ​ละอาย​ใน​เรื่อง​กิตติ​คุณ​ของ​พระ​คริสต์, เพราะว่า​กิตติ​คุณ​นั้น​เป็น​ฤทธิ์​เดช​ของ​พระ​เจ้า ให้​คน​ทั้ง​ปวง​ที่​เชื่อ​นั้น​ได้​ถึง​ที่​รอด​ทุก​คน พวก​ยู​ดาย​ก่อน, ทั้ง​พวก​เฮ​เลน​ด้วย"  เมื่อ ดร.ชอล์ค ได้พบวัคซีนชอล์ค  ชาวโลกเป็นหนี้ต่อเขา  จะเกิดอะไรขึ้นถ้า ดร.ชอล์ค  ไม่ยอมบอกให้โลกทราบ?  เราได้พบสิ่งที่มีค่ามากกว่าอะไรทั้งสิ้น  สิ่งนั้นคือพระกิตติคุณของพระคริสต์  บ่อยครั้งเราปิดปากเงียบไม่ยอมบอกผู้ใด
    (8) การนำวิญญาณมีประโยชน์ต่อผู้นำวิญญาณ  การนำวิญญาณตัวต่อตัวจะทำให้ผู้นั้นแข็งแรงขึ้น  มีใจกว้างขวางขึ้น  สัตย์ซื่อ  ถวายตัว อธิษฐาน และขยัน  ฉะนั้นกิจในการนำวิญญาณเป็นบำเหน็จอันใหญ่หลวงสำหรับชีวิตของเขา

2. ข้อได้เปรียบของการนำวิญญาณตัวต่อตัว
    (1) ทุกคนสามารถทำได้  จะมีอายุเท่าใดหรือการศึกษามากน้อยเพียงใด  ทุกคนจะเทศนาหรือนำเพลงไม่ได้  แต่ทุกคนสามารถเป็นผู้นำวิญญาณได้  ถ้าเราสามารถพูดคุยกับคนโน้นคนนี้ด้วยเรื่องสารพัดกับคนหลายคน  ทำเราจึงไม่สามารถพูดคุยเรื่องพระเยซูหรืออย่างน้อยคุยให้เขาฟังว่าเราทำอะไรกันบ้าง
    (2) โอกาสรอบ ๆ ตัวเรา  โอกาสที่จะเขียนหนังสือ  โดยทางวิทยุกระจายเสีย  หรือทางโทรทัศน์  สำหรับบางท่านก็ไม่มีความสามารถทำได้  แต่โอกาสที่จะนำวิญญาณตัวต่อตัวนั้นมีอยู่รอบตัวเรา  ผู้ที่อยู่บ้านใกล้เรา  ที่ทำงาน  ที่โรงเรียน  เมื่อเล่นกีฬา ฯลฯ
    (3) การนำวิญญาณตัวต่อตัว  รวมจุดสนใจแต่เพียงคนเดียวเมื่อวิธีอื่นล้มเหลวแล้ว
    (4) การนำวิญญาณตัวต่อตัวต่างกับอาชีพในวงการธุรกิจ  ผู้ที่ขายของอาจไปเยี่ยมที่บ้านเราด้วยเจตนาที่อยากขายของเพื่อจะได้เงิน  แต่ผู้นำวิญญาณนำของดีไปให้โดยไม่คิดมูลค่า
    (5) การนำวิญญาณตัวต่อตัว  สามารถสอนหรือแก้ไขข้อสงสัยตรงจุดจนเป็นที่พอใจโดยใช้วิธีอื่นแก้ไขไม่ได้  คนอาจจะไปร่วมประชุมฟังคำเทศนาหลายครั้ง  แต่บทเรียนที่ได้ฟังจากนักเทศน์อาจจะไม่ช่วยตอบข้อข้องใจอย่างตรงจุด  แต่ถ้านั่งสนทนาเป็นการส่วนตัวไต่ถามข้อสงสัยจนเป็นที่พอใจได้เพียงใช้เวลาไม่มากนัก

3. คุณสมบัติของผู้นำวิญญาณ
    (1) เป็นคริสเตียนแท้  โกโลซาย 1.13-14 " ผู้​ได้​ทรง​ช่วย​เรา​ทั้ง​หลาย​ให้​พ้น​จาก​อำนาจ​แห่ง​ความ​มืด, และ​ได้​ทรง​ย้าย​เรา​มา​ตั้ง​ไว้​ใน​แผ่น​ดิน​แห่ง​พระ​บุตร​ที่​รัก​ของ​พระ​องค์.  ใน​พระ​องค์​นั้น​เรา​ทั้ง​หลาย​จึง​ได้​รับ​การ​ไถ่, คือ​ทรง​โปรด​ยก​ความผิด​ทั้ง​หลาย​ของ​เรา"   คำสอนและผู้สอนจะต้องสัมพันธ์ไม่ขัดแย้งกัน  นิสัยที่เหมือนกับพระเยซูจะช่วยเป็นแรงในการนำวิญญาณ  ฟิลิปปอย 2.15 "เพื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​กลายเป็น​คน​ปราศ​จาก​ตำหนิ​ติ​เตียน, เป็นบุตร​ของ​พระ​เจ้า​ปราศ​จาก​ติ​เตียน ใน​ท่ามกลาง​คน​ชาติ​คด​โกง​และ​ดื้อ​ด้าน ท่าน​ทั้ง​หลาย​จึง​ปรากฏ​ดุจ​ดวง​สว่าง​ต่างๆ ใน​โลก"
    (2) เป็นผู้ที่มีความห่วงใยต่อวิญญาณของผู้อื่น  ศึกษาชีวิตของพระเยซูเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ  ลูกา 19.41  "ครั้น​พระ​องค์​เสด็จ​มา​ใกล้​เห็น​เมือง​แล้ว​ก็​กันแสง​สงสาร​เมือง​นั้น"  พิจารณาดูชีวิตของเปาโล  โรม 9.3 "จน​ข้าพ​เจ้า​ปรารถนา​ใคร​จะ​ให้​ข้าพ​เจ้า​เอง​ถูก​สาป​ให้​ขาด​จาก​พระ​คริสต์​เพราะ​เห็น​แก่​พี่​น้อง​ของ​ข้าพ​เจ้า, คือ​ญาติ​ของ​ข้าพ​เจ้า​ตาม​เนื้อ​หนัง"  โรม 10.1 "ดูก่อน​พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย, ความ​ปรารถนา​ใน​ใจ​ข้าพ​เจ้า​และ​คำ​วิงวอน​ขอ​พระ​เจ้า​เพื่อ​พล​ยิศรา​เอล​นั้น, คือ​ขอ​เพื่อ​หวัง​ให้​เขา​ทั้ง​หลาย​รอด"  (กิจการ 17.16)  ระลึกถึงดาวิด  บทเพลงสรรเสริญ 119.136 "น้ำตา​ของ​ข้าพ​เจ้า​ไหล​ออก​มากมาย? ​เพราะ​เขา​ทั้ง​หลาย​ไม่​ถือ​รักษา​กฎหมาย​ของ​พระองค์"  ดูตัวอย่างโมเซ  เอ็กโซโด 32.31  "โมเซจึงกลับไปเฝ้าพระยะโฮวา ทูลว่า โอพระเจ้าข้า  พลไพร่นี้ได้ทำผิดใหญ่ยิ่ง เขาได้ทำพระด้วยทองคำ"  น้ำใจอย่างนั้นหนุนใจให้คนดีมีความร้อนรน
    (3) เป็นผู้ที่มีความมั่นใจ  ในสภาพของคนบาปที่ต้องการพระกรุณาของพระเจ้า  การชำระโดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์เจ้า  ฤทธิ์เดชของพระกิตติคุณ  ความสัตย์ซื่อของพระเจ้าที่จะยกโทษ  คริสตจักรเดียวและโครงการแห่งความรอด ฯลฯ  ผู้ที่ได้รับคำสอนจากผู้ที่ไม่มีความมั่นใจ ผู้รับคำสอนอาจปฏิบัติตามแต่เพียงแบบ  แต่ปราศจากจิตใจที่แท้จริง  ถ้าบุคคลนั้นเป็นคริสเตียนก็อาจเป็นด้วยความเข้าใจว่าตนเองเป็นสมาชิกในนิกาย  เราไม่สามารถสร้างคริสตจักรในลักษณะนี้ได้ความมั่นใจเป็นสิ่งสำคัญ  ไม่มีอะไรมาทดแทนได้
    (4) เป็นผู้ที่มีความเข้าใจดี  ผู้ที่นำวิญญาณตัวต่อตัวต้องเข้าใจคน  โยฮัน 2.25 "และพระองค์ไม่ต้องการให้ผู้ใดชี้แจงถึงเรื่องมนุษย์  ด้วยว่าพระองค์ทรงทราบทุกสิ่งซึ่งมีอยู่ในมนุษย์"  1เปโตร 3.15 "แต่​ใน​ใจ​ของ​ท่าน จง​เคารพ​พระ​คริสต์​ถือ​เป็น​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า จง​เตรียม​ใจ​ไว้​ให้​พร้อม, เพื่อ​ท่าน​จะ​สามารถ​ตอบ​แก่​ทุก​คน​ที่​ถาม​ท่าน​ว่า ท่าน​มี​ความหวัง​ใจ​เช่นนี้​ด้วย​เหตุผล​ประการ​ใด แต่​ว่า​จง​ตอบ​ด้วย​ใจ​สุภาพ​และ​ด้วย​ใจ​ยำ​เกรง"  ถ้าไม่เข้าใจจะสอนผู้อื่นได้อย่างไร?  ต้องเข้าใจที่จะควบคุมสถานการณ์อย่างไร?  ยะซายา 50.4 "พระ​ยะ​โฮ​วา​เจ้า​ได้​ทรง​ประทาน​ลิ้น​ให้​ข้าพ​เจ้า​สำหรับ​สอน, ​เพื่อ​ข้าพ​เจ้า​จะ​ได้​รู้จัก​ที่​จะ​ใช้​คำสอน​ให้แก่​คน​ที่​อ่อน​ระอา​ใจ ​ทุกๆ​ ​เช้า​พระองค์​ทรง​ปลุก​เรียก​ข้าพ​เจ้า​ที่​หู, ​เพื่อให้​ข้าพ​เจ้า​เรียน​บทเรียน"
    (5) เป็นผู้ที่ตระหนักดีและหมั่นอธิษฐานเสมอ ผู้ที่นำวิญญาณผื่นโดยไม่อธิษฐาน  ก็เหมือนกับผู้ทำการของพระเจ้า  โดยไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้า
    (6) เป็นผู้ที่มีความเชื่อ  เขาต้องเชื่อในฤทธิ์เดชของพระกิตติคุณ   โรม 1.16 "ด้วย​ว่า​ข้าพ​เจ้า​ไม่​มี​ความ​ละอาย​ใน​เรื่อง​กิตติ​คุณ​ของ​พระ​คริสต์, เพราะว่า​กิตติ​คุณ​นั้น​เป็น​ฤทธิ์​เดช​ของ​พระ​เจ้า ให้​คน​ทั้ง​ปวง​ที่​เชื่อ​นั้น​ได้​ถึง​ที่​รอด​ทุก​คน พวก​ยู​ดาย​ก่อน, ทั้ง​พวก​เฮ​เลน​ด้วย"  เพื่อความสำเร็จในการงานของเขา   ยะซายา 55.11 " ถ้อยคำ​ที่​ออก​ไป​จาก​ปาก​ของ​เรา​จะ​ไม่​ได้​กลับ​มา​ยัง​เรา​โดย​ไร้​ผล, ​และ​โดย​ยัง​มิได้​ทำ​อะไร​ให้​สำเร็จ​ตาม​ความ​พอใจ​ของ​เรา, ​และ​สัมฤทธิ์​ผล​สมประสงค์​ดังที่​เรา​ได้​ใช้​มัน​ไป​ทำ​ฉันนั้น"  เชื่อในพระสัญญาของพระเจ้า  1โกรินโธ 15.58  "เหตุ​ฉะนั้น​พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย​ที่​รัก​ของ​ข้าพ​เจ้า, ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​ตั้ง​มั่นคง​อยู่, อย่า​สะเทือน​สะท้าน จง​กระทำ​การ​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ให้​บริบูรณ์​ทุก​เวลา ด้วย​ว่า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​รู้​ว่า, โดย​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​นั้น การ​ของ​ท่าน​จะ​ไร้​ประ​โยชน์​ก็​หา​มิได้"  เชื่อในคุณค่าของจิตวิญญาณ  มัดธาย 16.26 "เพราะ​ถ้า​ผู้ใด​จะ​ได้​สิ่งของ​สิ้น​ทั้ง​โลก, แต่​ต้อง​เสียชีวิต​ของ​ตน​จะ​เป็น​ประ​โยชน์​อะไร? หรือ​ใคร​จะ​เอา​อะไร​มา​แลก​กับ​ชีวิต​ของ​ตน?"  และเชื่อเรื่องชีวิตนิรันดร์อย่างจริงจัง  มัดธาย 25.46 "และพวกเหล่านี้จะต้องไปรับโทษอยู่เป็นนิตย์ แต่ผู้ชอบธรรมจะเข้าในชีวิตนิรันดร์"
    (7) เป็นผู้ถ่อมสุภาพ  2ติโมเธียว 2.24-25 "ฝ่าย​ผู้​รับ​ใช้​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ต้อง​ไม่​เป็น​คน​วิวาท​กัน, แต่​ต้อง​เป็น​คน​มี​ใจ​อ่อน​สุภาพ​ต่อ​คน​ทั้ง​ปวง, และ​ต้อง​เป็น​คน​เหมาะ​ที่​จะ​เป็น​ครู, และ​มี​ความ​เพียร,  และ​สอน​คน​ที่​ต่อสู้​เขา​ด้วย​ใจ​เย็นๆ, เพื่อ​พระ​เจ้า​จะ​ได้​ทรง​โปรด​ให้​เขา​กลับ​ใจ​เสีย​ใหม่ รับ​เชื่อ​ความ​จริง​กระมัง"  ผู้ใดที่หยิ่งจองหอง  จะไม่เหมาะสมในการประกาศเรื่องพระเยซู  เพราะพระเยซูสำแดงความถ่อมสุภาพให้แก่ผู้อื่น  มัดธาย 11.28-29 "บรรดา​ผู้​ลำบาก​เหน็ด​เหนื่อย​จง​มา​หา​เรา, และ​เรา​จะ​ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย​หาย​เหนื่อย​เป็น​สุข  จง​เอา​แอก​ของ​เรา​แบก​ไว้, แล้ว​เรียน​จาก​เรา, เพราะว่า​ใจ​เรา​อ่อน​สุภาพ, และ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​ความสุข​สำราญ​ใน​ใจ​ของ​ตน"
    (8) ฟิลิปเป็นคนหนึ่งที่นำวิญญาณในสมัยของอัครสาวก  โปรดพิจารณาดูนิสัยของเขา
        ก. เป็นผู้มีชื่อเสียงดี
        ข. ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
        ค. ประกอบด้วยสติปัญญา (กิจการ 6.3,  ยาโกโบ 1.5)
        ง. เป็นผู้ที่รู้จักพระคัมภีร์และองค์พระผู้เป็นเจ้าดี  (1โยฮัน 4.6)
        จ. เป็นผู้ที่เชื่อฟังดี  (ฟิลิปปอย 2.7-8)
        ฉ. เป็นผู้ร้อนรน  (ติโต 2.14)

4. ข้อแก้ตัวในการไม่ยอมนำวิญญาณ
    (1) "ข้าพเจ้ามีธุระยุ่งและเหนื่อย"  ท่านยุ่งเกินไปที่จะอ่านหนังสือพิมพ์, ดูโทรทัศน์, ไปโน่นไปนี่ไหม,  สมมุติว่าพระเยซูให้เงินท่านสองแสนบาท  ถ้าท่านนำวิญญาณได้ 1 ดวง?  ท่านจะยุ่งเกินไปและเหนื่อยเกินไปไหม?  ท่านก็ทราบแล้วว่าพระเยซูให้ท่านมากกว่านั้นหลายเท่า  พระองค์จะประทานชีวิตนิรันดร์สำหรับผู้ที่ทำการอย่างสัตย์ซื่อ  ซึ่งมีความสำคัญมากกว่า  วิวรณ์ 2.10 "ย่า​กลัว​ต่อ​เหตุการณ์​เหล่านั้น​ซึ่ง​เจ้า​จะ​ต้อง​ทน​เอา นี่​แน่ะ มาร​จะ​เอา​พวก​เจ้า​บาง​คน​ใส่​คุก​ไว้​เพื่อ​จะ​ได้​ลอง​ดู​ใจ​เจ้า และ​เจ้า​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​รับ​ทุกข์​ลำบาก​ถึง​สิบ​วัน. แต่​เจ้า​จง​เป็น​ผู้​สัตย์​ซื่อ​ตราบ​เท่า​วัน​ตาย, และ​เรา​จะ​ให้​เจ้า​มี​มงกุฎ​แห่ง​ชีวิต"
    (2) "ข้าพเจ้าได้ทำหน้าที่ของข้าพเจ้าอยู่แล้ว"  อาจจะเป็นความจริงอยู่บ้าง แต่ที่แน่ ๆ คือว่า ท่านกำลังทำอะไร?  ท่านไปร่วมประชุมนมัสการทุกครั้งเท่านั้นหรือ?  พระคัมภีร์สอนถึงความแตกต่างระหว่างการทำงานกับการนมัสการในคริสตจักร  กิจการ 5.42 "เขา​จึง​ได้​สั่ง​สอน​ประกาศ​กิตติ​คุณ​ของ​พระ​เยซู​คริสต์ ใน​โบสถ์​และ​ตาม​บ้านเรือน​ทุกๆ วัน​มิได้​ขาด"  ท่านอาจจะมาร่วมประชุมนมัสการสม่ำเสมอโดยไม่ขาด  ความจริงแล้วบางท่านก็ขาดการประชุมอยู่แล้ว  ถึงแม้ว่าท่านมาประชุมมิได้ขาด  ท่านทำการด้วยความขยันหรือเปล่า?  พระเยซูแก้ตัวเหมือนท่านหรือเปล่า?
    (3) "ข้าพเจ้าเคยทดลองดูแล้ว แต่ว่าล้มเหลว"  สมมุติว่าคนขายของใช้เหตุผลอย่างนี้จะเกิดอะไรขึ้น?  ท่านควรวิเคราะห์ดูความล้มเหลวของท่านเพราะอะไร  และหาวิธีแก้ไขที่จำเป็นแทนที่จะยอมแพ้  สูตรของความสำเร็จคือ "ลองดูใหม่"  วิธีเช่นนี้แหละเป็นวิธีที่เราเรียนรู้จักดำเนินชีวิตให้ประสบความสำเร็จ
    (4) "ข้าพเจ้าคิดว่า เราจ้างนักเทศน์ให้ทำหน้าที่แทนเราแล้วมิใช่หรือ?"  นี่เป็นความคิดที่ผิด  เราไม่สามารถจ้างนักเทศน์ให้รับผิดชอบแทนหน้าที่ของเรา  ถ้าเช่นนั้นเราคงจะจ้างให้ผู้อื่นทำพิธีระลึกแทนเรา  ยิ่งกว่านั้นจ้างให้ผู้อื่นสอนแทนเรา คำตรัสสั่งอันยิ่งใหญ่ในการสอนชนทั่วโลก  มัดธาย 28.19-20 "เหตุ​ฉะนั้น​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​ออกไป​สั่ง​สอน​ชน​ทุก​ประเทศ​ให้​เป็น​สาวก. ให้​รับ​บัพ​ติศ​มา​ใน​นาม​แห่ง​พระ​บิดา​และ​พระ​บุตร​และ​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์  สอน​เขา​ให้​ถือ​รักษา​สิ่ง​สาร​พัตร​ซึ่ง​เรา​ได้​สั่ง​พวก​ท่าน​ไว้ ​นี่​แหละ, เรา​จะ​อยู่​กับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เสมอ​ไป​เป็น​นิตย์​กว่า​จะ​สิ้น​โลก"  เป็นคำสั่งแกคริสตจักรทั้งหมด  มิใช่แก่คนบางคนเท่านั้น
    (5) "ข้าพเจ้ารู้ไม่มากพอหรือไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร?"  ท่านเรียนรู้จักประกอบอาหารอย่างไร?  ซักเสื้อผ้า, ขับรถยนต์  เรียนรู้ที่จะนำวิญญาณในทำนองเดียวกัน  ถ้าเราไม่มีประสบการณ์   เราทูลขอต่อพระเจ้าได้  (ยาโกโบ 1.5)  ขอเชิญท่านพิจารณา  2ติโมเธียว 2.15 "จง​อุสส่าห์​สำแดง​ตน​ให้​เป็น​ที่​พอ​พระทัย​พระ​เจ้า, เป็น​คน​งาน​ที่​ไม่​ต้อง​อาย, เพราะ​เป็น​คน​ที่​ซื่อ​ตรง​ใน​การ​ที่​ใช้​คำ​แห่ง​ความ​จริง​นั้น"
    (6) "ข้าพเจ้าไม่กล้า กลัวพูดไม่ถูก"  จงพิจารณา โรม 1.16  ถ้าเราสามารถพูดคุยกับเพื่อนมนุษย์ด้วยเรื่องสารพัดโดยไม่เกิดความกลัว  เราก็น่าจะพูดคุยเรื่องที่เรามีความเชื่อให้เขาฟังในลักษณะเช่นเดียวกับที่เราคุยเรื่องอื่น ๆ การสนทนากับเพื่อนมนุษย์เรื่องความเชื่อของเรานั้นไม่จำเป็นต้องมีวิธีการมากมาย  เพียงแต่พูดออกจากใจของเราเท่านั้นเป็นอันว่าใช้ได้  อย่าลืมว่าคนขลาดจะเข้าสวรรค์ไม่ได้  (วิวรณ์ 21.8)

5. เราจะเป็นผู้นำวิญญาณอย่างไร?
    (1) โดยการเชิญผู้ที่ยังไม่เป็นคริสเตียนไปร่วมประชุมนมัสการกับเรา  สามีหรือภรรยา,  ลูก,  ญาติพี่น้อง,  เพื่อน ๆ หรือผู้ที่เราติดต่อด้วยในชีวิตประจำวัน  บทเพลงสรรเสริญ 122.1  "ข้าพเจ้ามีความยินดีขณะเขาได้กล่าวข้าพเจ้าว่า  ให้เราไปยังพระวิหารของพระยะโฮวาเถิด"
    (2) โดยการแนะนำให้ฟังรายการวิทยุ
    (3) โดยการแนะนำให้ศึกษาบทเรียนไปรษณีย์
    (4) โดยการนำหนังสือหรือใบปลิวไปให้เขา    
    (5) โดยการส่งวารสารของคริสตจักรไปให้เขา
    (6) โดยการนัดศึกษาเป็นการส่วนตัวกับผู้ที่ยังไม่เป็นคริสเตียน
    (7) โดยการนำภาพสไลด์ไปฉายที่บ้านของผู้ที่เรารู้จัก
    (8) โดยการเชิญมาเมื่อมีการประชุมพิเศษ,  ประชุมโซน,  ประชุมอนุชน
    (9) เมื่อมีการจัดแคมป์ก็เชิญเขาไปด้วย
    (10) ไปเยี่ยมเยียนที่บ้านของผู้ที่สนใจ หรือที่โรงพยาบาลเมื่อเวลาป่วย
    (11) ส่งการ์ดเชิญไปถึงบ้าน
    (12) เขียนจดหมายติดต่อกับผู้ที่สนใจ

    สรุป  ขออย่าให้เราไปพบกับองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยมือเปล่า  ขออย่าให้จิตวิญญาณที่พินาศกล่าวกับเราว่า "ท่านพบข้าพเจ้าทุก ๆ วัน และรู้ว่าข้าพเจ้าหลงหาย  แต่ท่านไม่เคยเอ่ยเรื่องของพระองค์ให้ฟังเลย"
 

ตอบคำถามแบบทดสอบ บทที่ 10  คลิกที่นี่

บทที่11