อย่าฝังตะลันต์ของท่าน
คำอุปมาเรื่องตาลันต์ปรากฏอยู่ในหนังสือมัดธาย 25.14-30 "และยังเปรียบเหมือนชายผู้หนึ่งออกไปเที่ยวเมืองอื่น, จึงเรียกพวกบ่าวของตนมาฝากทรัพย์สมบัติไว้. คนหนึ่งท่านให้ห้าตะลันต์, คนหนึ่งสองตะลันต์, และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว, ตามความสามารถของบ่าวนั้นแล้วท่านก็ไป. คนที่ได้รับถ้าตะลันต์นั้นก็เอาเงินนั้นไปค้าขายทันทีได้กำไรเท่าตัว. คนที่ได้รับสองตะลันต์นั้นก็ได้กำไรเท่าตัวเหมือนกัน. แต่คนที่ได้รับตะลันต์เดียวนั้นได้ขุดหลุมซ่อนเงินของนายไว้. ครั้นอยู่มาช้านานนายจึงมาคิดบัญชีกับบ่าวเหล่านั้น. คนที่ได้รับห้าตะลันต์นั้นก็เอาเงินกำไรอีกห้าตะลันต์มาชี้แจงว่า. ‘นายเจ้าข้า, ท่านได้มอบเงินห้าตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้าดูเถิด, ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์.’ นายจึงตอบว่า. ‘ดีแล้ว, เจ้าเป็นบ่าวซื่อตรงดี เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย, เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงร่วมความยินดีกับนายเถิด.’ คนที่ได้รับสองตะลันต์นั้นมาชี้แจงด้วยว่า. ‘นายเจ้าข้า, ท่านได้มอบเงินสองตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า, ดูเถิด, ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกสองตะลันต์.’ นายจึงตอบว่า. ‘ดีแล้ว, เจ้าเป็นบ่าวซื่อตรงดี เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย, เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงร่วมความยินดีกับนายเถิด.’ ฝ่ายคนที่ได้รับตะลันต์เดียวนั้นมาชี้แจงด้วยว่า. ‘นายเจ้าข้า, ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าท่านเป็นคนใจแข็ง, เกี่ยวผลที่ท่านมิได้หว่าน, เก็บส่ำสมที่ท่านมิได้โปรย ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาทรัพย์ของท่านไปซ่อนไว้ใต้ดิน ดูเถิด, ของๆ ท่านเท่าไรท่านก็ได้เท่านั้น นายจึงตอบว่า. ‘อ้ายข้าชั่วช้าและเกียจคร้าน, เจ้าก็รู้อยู่ว่าเราเกี่ยวที่เรามิได้หว่าน. เก็บส่ำสมที่เรามิได้โปรย เหตุฉะนั้นเจ้าควรเอาเงินของเราไปฝากไว้ที่ธนาคาร. เมื่อเรามาจะได้รับเงินของเราทั้งดอกเบี้ยด้วย. เพราะฉะนั้นจงเอาเงินตะลันต์เดียวนั้นไปไห้แก่ผู้ที่มีสิบตะลันต์. ด้วยว่าผู้ใดมีอยู่แล้ว, จะเพิ่มเติมให้ผู้นั้นมีบริบูรณ์แต่ผู้ที่ไม่มี, แม้ว่าซึ่งเขามีอยู่นั้นก็จะต้องเอาไปจากเขา. เอาอ้ายข้าชาติชั่วช้าไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก ซึ่งมีแต่การร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน"
คำอุปมาเรื่องหญิงพรหมจารีสิบคนใน มัดธาย 25.1-13 “ขณะนั้นแผ่นดินสวรรค์จะเปรียบเหมือนหญิงพรหมจารีสิบคน, ถือตะเกียงของตนออกไปรับเจ้าบ่าว. เป็นหญิงมีปัญญาห้าคน. เป็นคนโง่ห้าคน. ฝ่ายคนโง่นั้นเอาตะเกียงของตนไป. แต่หาได้เอานํ้ามันไปด้วยไม่. ส่วนคนที่มีปัญญานั้นได้เอานํ้ามันใส่กาไปกับทั้งตะเกียงของตนด้วย. เมื่อเจ้าบ่าวยังช้าอยู่ก็พากันง่วงเหงาหลับไป. ครั้นเวลาเที่ยงคืนก็มีเสียงร้องมาว่า. ‘เจ้าบ่าวมาแล้ว, จงออกมารับท่านเถิด’ พวกพรหมจารีเหล่านั้นก็ลุกขึ้นตกแต่งตะเกียงของตน. พวกที่โง่นั้นก็พูดกับพวกที่มีปัญญาว่า. ‘ขอแบ่งน้ำมันของท่านให้เราบ้างตะเกียงของเราจวนจะดับอยู่แล้ว.’ พวกที่มีปัญญาจึงตอบว่า. ‘น่ากลัวนํ้ามันจะไม่พอสำหรับเราและเจ้า, จงไปหาคนขาย ซื้อสำหรับตัวเองจะดีกว่า.’ เมื่อเขากำลังไปซื้อนั้นเจ้าบ่าวก็มาถึง. ผู้ที่พร้อมอยู่แล้วก็ได้เข้าไปกับท่านในงานสมรสแล้วก็ปิดประตูเสีย. ภายหลังพรหมจารีพวกนั้นมาร้องว่า, ท่านเจ้าข้าๆ, ขอเปิดให้ข้าพเจ้าเข้าไปด้วย.’ ฝ่ายท่านตอบว่า, เราบอกเจ้าทั้งหลายตามจริงว่า, เราไม่รู้จักเจ้า.’ เหตุฉะนั้นจงเฝ้าระวังอยู่, เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้กำหนดวันหรือโมงนั้น.”
คำอุปมาเรื่องตาลันต์สอนเรื่องความจำเป็นของการทำงาน คำอุปมาเรื่องหญิงพรหมจารีสิบคน เป็นบทเรียนเรื่องการตระเตรียม และคำอุปมาเรื่องตาลันต์สอนเกี่ยวกับการตระเตรียมนั้นจะทำกันอย่างไร?
คำอุปมาเรื่องตาลันต์เป็นคำสั่งสอนที่คริสตจักรทั้งหลายควรปฏิบัติตามเพราะพระเยซูเริ่มต้นโดยกล่าวว่า "แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือน"
บทที่ 8
บทที่8
โปรดดูมัดธาย 16.18-19 "ฝ่ายเราบอกแก่ท่านว่า ท่านคือ เปโตร, บนศิลานี้เราจะต้อง คริสตจักรของเราไว้ และประตูแห่งความตายจะมีชัยชนะต่อคริสตจักรนั้นหามิได้ เราจะมอบลูกกุญแจแผ่นดินสวรรค์ไว้ให้แก่ท่าน ท่านจะผูกมัดสิ่งใดในแผ่นดินโลก สิ่งนั้นก็จะถูกผูกมัดในแผ่นดินสวรรค์ เมื่อท่านจะปล่อยสิ่งใดในแผ่นดินโลก สิ่งนั้นก็จะถูกปล่อยในแผ่นดินสวรรค์ด้วย" จากการศึกษา มัดธาย 25.14-30 ให้เราพิจารณาดูบทเรียนดังต่อไปนี้
1. ทุกคนมีตาลันต์
ในคำอุปมาสอนว่าทุกคนได้รับตาลันต์ ไม่มีผู้ใดออกไปมือเปล่า ฉันใดก็ดีในคริสตจักรมีการงานที่สมาชิกทุกคนจะต้องทำร่วมกัน เอเฟโซ 4.3-6 "จงเพียรพยายามเอาสันติสุขผูกมัดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ซึ่งพระวิญญาณทรงประทานให้นั้น มีกายอันเดียวและมีพระวิญญาณองค์เดียว เหมือนมีความหวังใจอันเดียวซึ่งเกี่ยวกับที่ท่านทั้งหลายทรงถูกเรียกนั้นมีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่ออย่างเดียว บัพติศมาอันเดียว พระเจ้าองค์เดียว ผู้เป็นพระบิดาของคนทั้งปวง ผู้อยู่เหนือคนทั้งปวง และทั่วคนทั้งปวง และในคนทั้งปวง"
2. เราทุกคนมีตาลันต์ไม่เหมือนกัน
(1) ไม่มีคนสองคนเหมือนกัน บางคนมีความสามารถมากกว่าผู้อื่น เพราะฉะนั้นเจ้านายจึงมอบตาลันต์ให้แก่บ่าว "ตามความสามารถของบ่าว" (ข้อ 15) ในคำอุปมาเรื่องคนหว่านพืช ดินนั้นมีความแตกต่างกัน มัดธาย 13.23 "ส่วนพืชซึ่งหว่านตกที่ดินดีนั้น ได้แก่ผู้ที่ได้ยินพระวจนะนั้นและเข้าใจ จึงเกิดผลร้อยเท่าบ้าน หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง"
(2) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยุติธรรม ในคำอุปมา เจ้านายมิได้หวังจากคนที่มีตาลันต์เดียวเท่ากับคนที่ได้รับสองตาลันต์และห้าตาลันต์ อย่างไรก็ตามแม้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้ามิได้หวังอะไรจากเรามาก แต่พระองค์ก็หวังในสิ่งที่เราพอจะทำได้ตามความสามารถที่จะทำได้ คำถามที่สะกิดใจของท่านคือว่า "ข้าพเจ้าได้ทำดีที่สุดแล้วหรือ?"
3. องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ประทานตาลันต์ให้
ในคำอุปมา นายเปรียบเหมือนองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นผู้มอบตาลันต์ให้บ่าว (ข้อ 14) เพราะว่าตาลันต์ที่เราได้รับจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ตาลันต์นั้นจึงมิใช่เป็นของเรา เราเป็นแต่เพียงผู้อารักขาเท่านั้น ถ้าเช่นนั้น
(ก) เราควรถ่อมสุภาพ เพราะมิใช่เป็นความสามารถของเราเอง
(ข) เราควรเป็นคนสัตย์ซื่อ 1โกรินโธ 4.2 "ฝ่ายผู้อารักขาเหล่านั้นต้องเป็นคนสัตย์ซื่อทุกคน"
(ค) เรารู้ว่าจะมีการคิดบัญชีกันในวันสุดท้าย
4. การใช้ตาลันต์ของเรา
(1) ผู้ที่รับผิดชอบในการงานและทำดีที่สุด เปรียบเหมือนกับคนที่ได้สองตาลันต์และห้าตาลันต์ เอเฟโซ 2.10 "เพราะว่าเราทั้งหลายเป็นกิจการของพระองค์ทรงสร้างขึ้นใหม่ในพระเยซูคริสต์ เพื่อจะให้กระทำการดี ซึ่งพระเจ้าได้ทรงดำริไว้ก่อนให้เราประพฤติตามนั้น" ยาโกโบ 1.25 "ฝ่ายผู้ใดที่พิจารณาดูในพระบัญญัติแห่งเสรีภาพอันบริสุทธิ์ และจะตั้งอยู่ในพระบัญญัตินั้น ผู้นั้นไม่ได้เป็นผู้ฟังแล้วหลงลืม แต่เป็นคนประพฤติตาม คนนั้นจะได้ความสุขในการของตน" ท่านผู้ประกาศ 9.10 "เมื่อมือไม้ของเจ้าจับการอันใดทำ จงกระทำการอันนั้นด้วยกำลังวังชาของเจ้าเถิด เพราะว่าไม่มีการงาน หรือโครงการ หรือความรู้หรือสติปัญญาในเมืองผีที่เจ้าจะไปนั้น"
(2) คนที่ฝังตาลันต์ของตนเอง ไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์เป็นคนหัวแข็งไม่สนใจเกียจคร้าน มักเป็นคนเห็นแก่ตัว เปรียบเหมือนคนที่ได้รับตาลันต์เดียว คนที่ได้รับตาลันต์เดียวเป็นตัวอย่างดีที่สะท้อนให้เห็นว่า คนเป็นจำนวนไม่น้อยเป็นเหมือนกับคนเช่นนี้ในคริสตจักรมีบางคนที่มีสองตาลันต์หรือห้าตาลันต์ ที่ใช้ความสามารถของตนทำการของพระเจ้า แต่ก็ยังมีคนในคริสตจักรอีกมากที่ฝังตาลันต์ของตนเอง ไม่ยอมทำอะไรเลย คนที่มีตาลันต์เดียวเขามิใช่เป็นคนเกเร เมาเหล้า หรือขโมย หรือเป็นคนใจดำ เขาไม่ใช้ตาลันต์ของเจ้านายอย่างฟุ่มเฟือย ความผิดของเขาคืออะไร? ความผิดของเขาคือเขาฝังตาลันต์ของเขาไว้ เป็นสิ่งที่น่าอายมาก ปัญหาคือว่า สาเหตุที่ทำให้คนที่มีตาลันต์เดียวฝังตาลันต์ของเขาคืออะไร? ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ ก็ยังเป็นสาเหตุเดียวกันที่ทำให้คนในสมัยนี้ทำเช่นเดียวกัน
(ก) เขามีความเข้าใจในตัวเจ้านายของเขาอย่างผิด ๆ (ข้อ 24) เขาต่อว่าเจ้านายของเขาว่าเป็น "คนใจแข็งและไร้เหตุผล" คนเป็นจำนวนมากในโลกนี้คิดว่า พระเยซูเป็นคนใจแข็งและไม่มีเหตุผล บ้างอาจถามว่า "ทำไมเราต้องไปโบสถ์บ่อย ๆ?" หรือ "ทำไมต้องถวายมาก ๆ" หรือ "ทำไมเราต้องงดเว้นจากสิ่งเยอะแยะ?" ความคิดเช่นนี้เป็นความคิดที่ไร้สาระ เพราะว่าพระเยซูได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อเราทั้งหลาย แอกของพระองค์ก็พอเหมาะและภาระของพระองค์ก็เบา มัดธาย 11.28-30 "บรรดาผู้ลำบากเหน็ดเหนื่อยจงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข จงเอาแอกของเราแบกไว้แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าใจเราอ่อนสุภาพ และท่านทั้งหลายจะได้ความสุขสำราญในใจของตน ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะและภาระของเราก็เบา" คำสั่งของพระองค์หาหนักใจไม่ 1โยฮัน 5.3 "เพราะว่านี่แหละเป็นความรักของพระเจ้า คือว่าให้เราทั้งหลายประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์และพระบัญญัติของพระองค์หาหนักใจไม่"
(ข) เขาตกใจกลัว (ข้อ 25) ความบาปเช่นนี้เป็นความบาปของชนชาติยิศราเอลด้วย พระบัญญัติ 1.29 "เราจึงได้สั่งเจ้าทั้งหลายว่า อย่าครั่นคร้ามหรือกลัวเขาเลย" เหมือนเปโตร มัดธาย 14.30 "แต่เมื่อเห็นลมพัดแรงก็กลัวและเมื่อกำลังจะจมก็ร้องว่า พระองค์เจ้าข้าขอทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดเถิด" ทุกวันนี้เราได้ยินคนมักกล่าวว่า "ฉันกลัวว่าฉันทำผิด" หรือ "ฉันกลัวว่าคนอื่นจะทำได้ดีกว่าฉัน" หรือ "ฉันกล้วว่าจะทำให้เกิดผลเสียมากยิ่งกว่าผลดี" ฯลฯ ปัญหาก็คือว่าเขากลัวอะไร?
(1) กลัวว่าเขาไม่สามารถจะแสดงได้ดีกว่าคนอื่น จงระวังจิตใจเช่นนี้ "ถ้าฉันไม่เป็นหัวหน้า ฉันจะไม่ทำเลย" หรือ "ถ้าฉันไม่ร้องเพลงโซโล่ฉันจะไม่ยอมร้องเลย"
(2) เขากลัวที่จะทำงาน (ข้อ 26) เขาเป็นคนเกียจคร้าน นายของเขาเรียกตัวเขาว่าเกียจคร้าน ในสุภาษิต 26.13 "คนเกียจคร้านมักกล่าวว่า มีสิงโตอยู่กลางทาง มีสิงโตอยู่ที่ถนน" โรม 12.11 "อย่าเกียจคร้าน จงรุ่งโรจน์ในพระคริสต์ จงปฏิบัติพระเจ้า" สุภาษิต 6.9 "เจ้าจะนอนอยู่นานสักเท่าใด เจ้าขี้เกียจ? เมื่อไรเจ้าจะตื่นลุกขึ้นจากการหลับไหลของเจ้า"
(3) เขากลัวเจ้านายของเขา (ข้อ 24-25) ความสัมพันธ์ที่เรามีกับพระเยซูเราควรมีความเคารพยำเกรง แต่มิใช่เกรงกลัวอีกแบบหนึ่ง 1โยฮัน 4.18 "ในความรักนั้นไม่มีความกลัว แต่ว่าความรักที่สมบูรณ์ก็กำจัดความกลัวเสีย ด้วยว่าความกลัวเป็นที่ให้ใจสะดุ้งต่อโทษ และผู้ที่มีความกลัวยังไม่สมบูรณ์ในความรัก" แทนที่เราจะเป็นคนกลัวขอโทษให้เราเชื่อว่าเราสามารถทำสารพัดทุกสิ่งได้โดยพระเยซูคริสต์ผู้ทรงชูกำลังของเรา ฟิลิปปอย 4.13 "ข้าพเจ้ากระทำทุกสิ่งได้โดยพระเยซูคริสต์ผู้ทรงชูกำลังของข้าพเจ้า" ใครผู้ใดจะชนะกับเราได้ ถ้าพระเจ้าอยู่ฝ่ายเรา โรม 8.31 "ด้วยเหตุเหล่านั้นเราจะว่าอย่างไร? ถ้าพระเจ้าอยู่ฝ่ายเรา ใครผู้ใดจะต่อสู้เราได้?" อย่าลืมว่าคนขี้ขลาดจะถูกทิ้งในบึงไฟนรก วิวรณ์ 21.8 "แต่คนขลาด คนไม่เชื่อ คนที่กระทำการอุจาด คนที่ฆ่ามนุษย์ คนกระทำผิดประเวณีชายหญิง คนทำเล่ห์กระเท่ห์ คนที่บูชารูปเคารพ และคนทั้งปวงที่พูดมุสา จะได้ส่วนมฤดกของตนที่ในบึงที่มีไฟและกำมะถันไหม้อยู่นั้น นั่นแหละเป็นความตายที่สอง" พระเจ้าห้ามมิให้เรามีความกลัว ลูกา 12.4-5 "อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่ร่างกาย และภายหลังไม่มีอะไรที่จะทำได้อีก แต่เราจะสำแดงให้ท่านรู้ก่อนว่าควรจะกลัวผู้ใด จงกลัวพระองค์ผู้ทรงฆ่าตนแล้ว ก็ยังมีฤทธิ์ที่จะทิ้งลงในนรกได้ แท้จริงเราบอกท่านว่าจงกลัวพระองค์นั้นแหละ"
(ค) เขาล้มเหลวที่จะเรียนรู้ว่า ตาลันต์ของเขามีประโยชน์และจำเป็น เจ้านายทราบก็โกรธมาก เพราะว่าคนที่ได้รับตาลันต์เดียวแต่ไม่ยอมใช้ตาลันต์ของตนแม้ว่านายจะได้รับสิบสี่ตาลันต์ก็ตาม แสดงว่าทุก ๆ ตาลันต์มีความสำคัญในระบบเศรษฐกิจของพระเจ้า การสร้างสิ่งที่ใหญ่โตสวยงามย่อมต้องอาศัยฝีมือของผู้เชี่ยวชาญ ทั้งในการวางรากและในการก่อสร้าง เมื่อตาลันต์ของทุกคนต้องการเพื่อจะสร้างวิหาร ตาลันต์ทุกตาลันต์ก็สำคัญ เป็นการโง่ที่เราจะกล่าวว่า "ตาลันต์ที่สำคัญกว่า" หรือ "ตาลันต์ที่มีค่าน้อยกว่า" ตาลันต์เดียวมิใช่มีค่าน้อยพระเยซูทรงเน้นให้เห็นความสำคัญของสิ่งเล็กน้อย สิ่งที่เรามองดูแล้วไม่มีความสำคัญอะไรเลย เช่น น้ำดื่มสักแก้วหนึ่ง จุดหนึ่งของพระบัญญัติ เหรียญทองแดงของหญิงหม้าย ซีโมนแบกไม้กางเขน เพราะฉะนั้นอย่าดูถูกตนเอง โดยกล่าวกับตนเองว่า "ฉันไม่สำคัญอะไร" หรือ "ไม่มีใครต้องการฉัน"
5. กฎของการได้กำไรและการขาดทุน เปรียบเทียบกับตาลันต์ของเรา
(1) ผู้ที่ได้รับสองตาลันต์กับผู้ที่ได้รับห้าตาลันต์ ได้นำตาลันต์ของตนไปใช้และกำไรเป็นสองเท่า โดยการใช้สิ่งของที่เรามีอยู่ เราจะได้รับสิ่งที่เราไม่มี ยิ่งสูงมากเท่าไรก็ยิ่งจะได้เป็นทวี? ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้ตาลันต์ของเรา ถ้าเราจะหากำไร เราจำเป็นต้องลงทุน ถ้าเป็นชาวไร่ พืชที่หว่านเมล็ดเดียวก็จะเกี่ยวเก็บผลมากกว่าที่หว่านลงไปเมล็ดเดียว
(2) ผู้ที่ได้รับตาลันต์เดียว ได้ฝังตาลันต์ของตนไว้ และต้องสูญเสียแม้สิ่งที่เขามีอยู่แล้ว ยิ่งใช้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ถ้าไม่ใช้ก็ยิ่งจะเสียไป กิ่งที่ไม่มีผลผลิตไม่ช้าก็จะแห้งตายไปในที่สุด ถ้าจะทำลายไม่ต้องเสียพลังในการทำลายเพียงแต่ปล่อยทิ้งไว้เฉย ๆ เท่านั้น มันจะพังไปเอง ถ้าจะให้ความรู้ในพระคำของพระเจ้าหมดไป เราไม่ต้องทำอะไร เพียงแต่อยู่เฉย ๆ ในไม่ช้าความรู้ของเราก็ยิ่งจะหมดไปเอง หลักการนี้สามารถสอนเราได้ในเรื่องอื่น ๆ ด้วย
6. จะต้องมีวันคิดบัญชี
(1) วันคิดบัญชีนั้นมีแน่นอน เราควรมีชีวิตจดจำวันนี้ไว้ในใจให้จงดี 2โกรินโธ 5.10 "เพราะว่าจำเป็นเราทั้งหลายทุกคนต้องปรากฎตัวที่หน้าบัลลังก์ของพระคริสต์ เพื่อทุกคนจะได้รับสมกับการที่ได้ประพฤติในร่างกายนี้ แล้วแต่จะดีหรือชั่ว" (กิจการ 17.30-31)
(2) โปรดพิจารณาดูผู้ที่มีสองตาลันต์และห้าตาลันต์ในวันคิดบัญชี เขาได้รับคำชมเชยในความสัตย์ซื่อของเขา
1โกรินโธ 4.2 "ฝ่ายผู้อารักขาเหล่านั้นต้องเป็นสัตย์ซื่อทุกคน"
กิจการ 11.24 "ด้วยบาระนาบานั้นเป็นคนดีประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และความเชื่อ จำนวนคนของพระเจ้าก็ได้ทวีขึ้นเป็นอันมาก"
ลูกา 23.50 "นี่แน่ะมีชนยูดายคนหนึ่งชื่อโยเซฟชาวบ้านอาริมาธายอยู่ในพวกที่ปรึกษาเป็นคนดีและสัตย์ซื่อ" และเป็นบ่าว "สัตย์ซื่อ"
ลูกา 16.10 "คนที่สัตย์ซื่อในของเล็กที่สุดจะสัตย์ซื่อในของมากด้วย และคนที่อสัตย์ในของเล็กที่สุดจะอสัตย์ในของมากด้วย"
2ติโมเธียว 2.2 "จงฝากข้อความเหล่านั้นซึ่งท่านได้ยินจากข้าพเจ้าต่อหน้าพยานหลายคนไว้กับคนสัตย์ซื่อ ที่สามารถสอนคนอื่นได้ด้วย"
วิวรณ์ 2.10 "อย่ากลัวต่อเหตุการณ์เหล่านั้นซึ่งเจ้าจะต้องทนเอา นี่แน่ะการจะเอาพวกเจ้าบางคนใส่คุกไว้เพื่อจะได้ลองดูใจเจ้า และเจ้าทั้งหลายจะได้รับทุกข์ลำบากถึงสิบวัน แต่เจ้าจงเป็นผู้สัตย์ซื่อตราบเท่าวันตาย และเราจะให้เจ้ามีมงกุฎแห่งชีวิต" องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย" หมายความว่าเขารับผิดชอบในตำแหน่งการงานของเขาดี บำเหน็จของผู้สัตย์ซื่อคือความยินดีของนายและบ่าว
(3) โปรดพิจารณาดูผู้ที่มีตาลันต์เดียวในวันคิดบัญชี เขาแก้ตัวต่าง ๆ นานา แต่มิได้ทำให้เขาพ้นจากความรับผิดชอบ หรือพ้นจากความผิดได้ ในวันพิพากษาจะมีผู้ที่แก้ตัว โปรดดู มัดธาย 7.21 "มิใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า จะได้เข้าในเมืองสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเราผู้อยู่ในสวรรค์นั้นจึงจะเข้าได้" และข้อ 30 "เอาอ้ายข้าชาติชั่วช้าไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก ซึ่งมีแต่การร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน" องค์พระผู้เป็นเจ้าเรียกชายผู้นั้นว่า "อ้ายข้าชั่วช้า" เพราะเขาล้มเหลวในความรับผิดชอบและก็ยังถูกเรียกว่า "เกียจคร้าน" ตายสายของชาวโลก คนชั่วคือโจรผู้ร้ายหรือคนผิดประเวณี แต่ผู้ที่ไม่รับผิดชอบในหน้าที่ของตนคือ "คนชั่ว" และ "คนเกียจคร้าน" ในสายพระเนตรของพระเจ้า
1. ทุกคนมีตาลันต์
ในคำอุปมาสอนว่าทุกคนได้รับตาลันต์ ไม่มีผู้ใดออกไปมือเปล่า ฉันใดก็ดีในคริสตจักรมีการงานที่สมาชิกทุกคนจะต้องทำร่วมกัน เอเฟโซ 4.3-6 "จงเพียรพยายามเอาสันติสุขผูกมัดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ซึ่งพระวิญญาณทรงประทานให้นั้น มีกายอันเดียวและมีพระวิญญาณองค์เดียว เหมือนมีความหวังใจอันเดียวซึ่งเกี่ยวกับที่ท่านทั้งหลายทรงถูกเรียกนั้นมีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่ออย่างเดียว บัพติศมาอันเดียว พระเจ้าองค์เดียว ผู้เป็นพระบิดาของคนทั้งปวง ผู้อยู่เหนือคนทั้งปวง และทั่วคนทั้งปวง และในคนทั้งปวง"
2. เราทุกคนมีตาลันต์ไม่เหมือนกัน
(1) ไม่มีคนสองคนเหมือนกัน บางคนมีความสามารถมากกว่าผู้อื่น เพราะฉะนั้นเจ้านายจึงมอบตาลันต์ให้แก่บ่าว "ตามความสามารถของบ่าว" (ข้อ 15) ในคำอุปมาเรื่องคนหว่านพืช ดินนั้นมีความแตกต่างกัน มัดธาย 13.23 "ส่วนพืชซึ่งหว่านตกที่ดินดีนั้น ได้แก่ผู้ที่ได้ยินพระวจนะนั้นและเข้าใจ จึงเกิดผลร้อยเท่าบ้าน หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง"
(2) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยุติธรรม ในคำอุปมา เจ้านายมิได้หวังจากคนที่มีตาลันต์เดียวเท่ากับคนที่ได้รับสองตาลันต์และห้าตาลันต์ อย่างไรก็ตามแม้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้ามิได้หวังอะไรจากเรามาก แต่พระองค์ก็หวังในสิ่งที่เราพอจะทำได้ตามความสามารถที่จะทำได้ คำถามที่สะกิดใจของท่านคือว่า "ข้าพเจ้าได้ทำดีที่สุดแล้วหรือ?"
3. องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ประทานตาลันต์ให้
ในคำอุปมา นายเปรียบเหมือนองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นผู้มอบตาลันต์ให้บ่าว (ข้อ 14) เพราะว่าตาลันต์ที่เราได้รับจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ตาลันต์นั้นจึงมิใช่เป็นของเรา เราเป็นแต่เพียงผู้อารักขาเท่านั้น ถ้าเช่นนั้น
(ก) เราควรถ่อมสุภาพ เพราะมิใช่เป็นความสามารถของเราเอง
(ข) เราควรเป็นคนสัตย์ซื่อ 1โกรินโธ 4.2 "ฝ่ายผู้อารักขาเหล่านั้นต้องเป็นคนสัตย์ซื่อทุกคน"
(ค) เรารู้ว่าจะมีการคิดบัญชีกันในวันสุดท้าย
4. การใช้ตาลันต์ของเรา
(1) ผู้ที่รับผิดชอบในการงานและทำดีที่สุด เปรียบเหมือนกับคนที่ได้สองตาลันต์และห้าตาลันต์ เอเฟโซ 2.10 "เพราะว่าเราทั้งหลายเป็นกิจการของพระองค์ทรงสร้างขึ้นใหม่ในพระเยซูคริสต์ เพื่อจะให้กระทำการดี ซึ่งพระเจ้าได้ทรงดำริไว้ก่อนให้เราประพฤติตามนั้น" ยาโกโบ 1.25 "ฝ่ายผู้ใดที่พิจารณาดูในพระบัญญัติแห่งเสรีภาพอันบริสุทธิ์ และจะตั้งอยู่ในพระบัญญัตินั้น ผู้นั้นไม่ได้เป็นผู้ฟังแล้วหลงลืม แต่เป็นคนประพฤติตาม คนนั้นจะได้ความสุขในการของตน" ท่านผู้ประกาศ 9.10 "เมื่อมือไม้ของเจ้าจับการอันใดทำ จงกระทำการอันนั้นด้วยกำลังวังชาของเจ้าเถิด เพราะว่าไม่มีการงาน หรือโครงการ หรือความรู้หรือสติปัญญาในเมืองผีที่เจ้าจะไปนั้น"
(2) คนที่ฝังตาลันต์ของตนเอง ไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์เป็นคนหัวแข็งไม่สนใจเกียจคร้าน มักเป็นคนเห็นแก่ตัว เปรียบเหมือนคนที่ได้รับตาลันต์เดียว คนที่ได้รับตาลันต์เดียวเป็นตัวอย่างดีที่สะท้อนให้เห็นว่า คนเป็นจำนวนไม่น้อยเป็นเหมือนกับคนเช่นนี้ในคริสตจักรมีบางคนที่มีสองตาลันต์หรือห้าตาลันต์ ที่ใช้ความสามารถของตนทำการของพระเจ้า แต่ก็ยังมีคนในคริสตจักรอีกมากที่ฝังตาลันต์ของตนเอง ไม่ยอมทำอะไรเลย คนที่มีตาลันต์เดียวเขามิใช่เป็นคนเกเร เมาเหล้า หรือขโมย หรือเป็นคนใจดำ เขาไม่ใช้ตาลันต์ของเจ้านายอย่างฟุ่มเฟือย ความผิดของเขาคืออะไร? ความผิดของเขาคือเขาฝังตาลันต์ของเขาไว้ เป็นสิ่งที่น่าอายมาก ปัญหาคือว่า สาเหตุที่ทำให้คนที่มีตาลันต์เดียวฝังตาลันต์ของเขาคืออะไร? ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ ก็ยังเป็นสาเหตุเดียวกันที่ทำให้คนในสมัยนี้ทำเช่นเดียวกัน
(ก) เขามีความเข้าใจในตัวเจ้านายของเขาอย่างผิด ๆ (ข้อ 24) เขาต่อว่าเจ้านายของเขาว่าเป็น "คนใจแข็งและไร้เหตุผล" คนเป็นจำนวนมากในโลกนี้คิดว่า พระเยซูเป็นคนใจแข็งและไม่มีเหตุผล บ้างอาจถามว่า "ทำไมเราต้องไปโบสถ์บ่อย ๆ?" หรือ "ทำไมต้องถวายมาก ๆ" หรือ "ทำไมเราต้องงดเว้นจากสิ่งเยอะแยะ?" ความคิดเช่นนี้เป็นความคิดที่ไร้สาระ เพราะว่าพระเยซูได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อเราทั้งหลาย แอกของพระองค์ก็พอเหมาะและภาระของพระองค์ก็เบา มัดธาย 11.28-30 "บรรดาผู้ลำบากเหน็ดเหนื่อยจงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข จงเอาแอกของเราแบกไว้แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าใจเราอ่อนสุภาพ และท่านทั้งหลายจะได้ความสุขสำราญในใจของตน ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะและภาระของเราก็เบา" คำสั่งของพระองค์หาหนักใจไม่ 1โยฮัน 5.3 "เพราะว่านี่แหละเป็นความรักของพระเจ้า คือว่าให้เราทั้งหลายประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์และพระบัญญัติของพระองค์หาหนักใจไม่"
(ข) เขาตกใจกลัว (ข้อ 25) ความบาปเช่นนี้เป็นความบาปของชนชาติยิศราเอลด้วย พระบัญญัติ 1.29 "เราจึงได้สั่งเจ้าทั้งหลายว่า อย่าครั่นคร้ามหรือกลัวเขาเลย" เหมือนเปโตร มัดธาย 14.30 "แต่เมื่อเห็นลมพัดแรงก็กลัวและเมื่อกำลังจะจมก็ร้องว่า พระองค์เจ้าข้าขอทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดเถิด" ทุกวันนี้เราได้ยินคนมักกล่าวว่า "ฉันกลัวว่าฉันทำผิด" หรือ "ฉันกลัวว่าคนอื่นจะทำได้ดีกว่าฉัน" หรือ "ฉันกล้วว่าจะทำให้เกิดผลเสียมากยิ่งกว่าผลดี" ฯลฯ ปัญหาก็คือว่าเขากลัวอะไร?
(1) กลัวว่าเขาไม่สามารถจะแสดงได้ดีกว่าคนอื่น จงระวังจิตใจเช่นนี้ "ถ้าฉันไม่เป็นหัวหน้า ฉันจะไม่ทำเลย" หรือ "ถ้าฉันไม่ร้องเพลงโซโล่ฉันจะไม่ยอมร้องเลย"
(2) เขากลัวที่จะทำงาน (ข้อ 26) เขาเป็นคนเกียจคร้าน นายของเขาเรียกตัวเขาว่าเกียจคร้าน ในสุภาษิต 26.13 "คนเกียจคร้านมักกล่าวว่า มีสิงโตอยู่กลางทาง มีสิงโตอยู่ที่ถนน" โรม 12.11 "อย่าเกียจคร้าน จงรุ่งโรจน์ในพระคริสต์ จงปฏิบัติพระเจ้า" สุภาษิต 6.9 "เจ้าจะนอนอยู่นานสักเท่าใด เจ้าขี้เกียจ? เมื่อไรเจ้าจะตื่นลุกขึ้นจากการหลับไหลของเจ้า"
(3) เขากลัวเจ้านายของเขา (ข้อ 24-25) ความสัมพันธ์ที่เรามีกับพระเยซูเราควรมีความเคารพยำเกรง แต่มิใช่เกรงกลัวอีกแบบหนึ่ง 1โยฮัน 4.18 "ในความรักนั้นไม่มีความกลัว แต่ว่าความรักที่สมบูรณ์ก็กำจัดความกลัวเสีย ด้วยว่าความกลัวเป็นที่ให้ใจสะดุ้งต่อโทษ และผู้ที่มีความกลัวยังไม่สมบูรณ์ในความรัก" แทนที่เราจะเป็นคนกลัวขอโทษให้เราเชื่อว่าเราสามารถทำสารพัดทุกสิ่งได้โดยพระเยซูคริสต์ผู้ทรงชูกำลังของเรา ฟิลิปปอย 4.13 "ข้าพเจ้ากระทำทุกสิ่งได้โดยพระเยซูคริสต์ผู้ทรงชูกำลังของข้าพเจ้า" ใครผู้ใดจะชนะกับเราได้ ถ้าพระเจ้าอยู่ฝ่ายเรา โรม 8.31 "ด้วยเหตุเหล่านั้นเราจะว่าอย่างไร? ถ้าพระเจ้าอยู่ฝ่ายเรา ใครผู้ใดจะต่อสู้เราได้?" อย่าลืมว่าคนขี้ขลาดจะถูกทิ้งในบึงไฟนรก วิวรณ์ 21.8 "แต่คนขลาด คนไม่เชื่อ คนที่กระทำการอุจาด คนที่ฆ่ามนุษย์ คนกระทำผิดประเวณีชายหญิง คนทำเล่ห์กระเท่ห์ คนที่บูชารูปเคารพ และคนทั้งปวงที่พูดมุสา จะได้ส่วนมฤดกของตนที่ในบึงที่มีไฟและกำมะถันไหม้อยู่นั้น นั่นแหละเป็นความตายที่สอง" พระเจ้าห้ามมิให้เรามีความกลัว ลูกา 12.4-5 "อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่ร่างกาย และภายหลังไม่มีอะไรที่จะทำได้อีก แต่เราจะสำแดงให้ท่านรู้ก่อนว่าควรจะกลัวผู้ใด จงกลัวพระองค์ผู้ทรงฆ่าตนแล้ว ก็ยังมีฤทธิ์ที่จะทิ้งลงในนรกได้ แท้จริงเราบอกท่านว่าจงกลัวพระองค์นั้นแหละ"
(ค) เขาล้มเหลวที่จะเรียนรู้ว่า ตาลันต์ของเขามีประโยชน์และจำเป็น เจ้านายทราบก็โกรธมาก เพราะว่าคนที่ได้รับตาลันต์เดียวแต่ไม่ยอมใช้ตาลันต์ของตนแม้ว่านายจะได้รับสิบสี่ตาลันต์ก็ตาม แสดงว่าทุก ๆ ตาลันต์มีความสำคัญในระบบเศรษฐกิจของพระเจ้า การสร้างสิ่งที่ใหญ่โตสวยงามย่อมต้องอาศัยฝีมือของผู้เชี่ยวชาญ ทั้งในการวางรากและในการก่อสร้าง เมื่อตาลันต์ของทุกคนต้องการเพื่อจะสร้างวิหาร ตาลันต์ทุกตาลันต์ก็สำคัญ เป็นการโง่ที่เราจะกล่าวว่า "ตาลันต์ที่สำคัญกว่า" หรือ "ตาลันต์ที่มีค่าน้อยกว่า" ตาลันต์เดียวมิใช่มีค่าน้อยพระเยซูทรงเน้นให้เห็นความสำคัญของสิ่งเล็กน้อย สิ่งที่เรามองดูแล้วไม่มีความสำคัญอะไรเลย เช่น น้ำดื่มสักแก้วหนึ่ง จุดหนึ่งของพระบัญญัติ เหรียญทองแดงของหญิงหม้าย ซีโมนแบกไม้กางเขน เพราะฉะนั้นอย่าดูถูกตนเอง โดยกล่าวกับตนเองว่า "ฉันไม่สำคัญอะไร" หรือ "ไม่มีใครต้องการฉัน"
5. กฎของการได้กำไรและการขาดทุน เปรียบเทียบกับตาลันต์ของเรา
(1) ผู้ที่ได้รับสองตาลันต์กับผู้ที่ได้รับห้าตาลันต์ ได้นำตาลันต์ของตนไปใช้และกำไรเป็นสองเท่า โดยการใช้สิ่งของที่เรามีอยู่ เราจะได้รับสิ่งที่เราไม่มี ยิ่งสูงมากเท่าไรก็ยิ่งจะได้เป็นทวี? ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้ตาลันต์ของเรา ถ้าเราจะหากำไร เราจำเป็นต้องลงทุน ถ้าเป็นชาวไร่ พืชที่หว่านเมล็ดเดียวก็จะเกี่ยวเก็บผลมากกว่าที่หว่านลงไปเมล็ดเดียว
(2) ผู้ที่ได้รับตาลันต์เดียว ได้ฝังตาลันต์ของตนไว้ และต้องสูญเสียแม้สิ่งที่เขามีอยู่แล้ว ยิ่งใช้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ถ้าไม่ใช้ก็ยิ่งจะเสียไป กิ่งที่ไม่มีผลผลิตไม่ช้าก็จะแห้งตายไปในที่สุด ถ้าจะทำลายไม่ต้องเสียพลังในการทำลายเพียงแต่ปล่อยทิ้งไว้เฉย ๆ เท่านั้น มันจะพังไปเอง ถ้าจะให้ความรู้ในพระคำของพระเจ้าหมดไป เราไม่ต้องทำอะไร เพียงแต่อยู่เฉย ๆ ในไม่ช้าความรู้ของเราก็ยิ่งจะหมดไปเอง หลักการนี้สามารถสอนเราได้ในเรื่องอื่น ๆ ด้วย
6. จะต้องมีวันคิดบัญชี
(1) วันคิดบัญชีนั้นมีแน่นอน เราควรมีชีวิตจดจำวันนี้ไว้ในใจให้จงดี 2โกรินโธ 5.10 "เพราะว่าจำเป็นเราทั้งหลายทุกคนต้องปรากฎตัวที่หน้าบัลลังก์ของพระคริสต์ เพื่อทุกคนจะได้รับสมกับการที่ได้ประพฤติในร่างกายนี้ แล้วแต่จะดีหรือชั่ว" (กิจการ 17.30-31)
(2) โปรดพิจารณาดูผู้ที่มีสองตาลันต์และห้าตาลันต์ในวันคิดบัญชี เขาได้รับคำชมเชยในความสัตย์ซื่อของเขา
1โกรินโธ 4.2 "ฝ่ายผู้อารักขาเหล่านั้นต้องเป็นสัตย์ซื่อทุกคน"
กิจการ 11.24 "ด้วยบาระนาบานั้นเป็นคนดีประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และความเชื่อ จำนวนคนของพระเจ้าก็ได้ทวีขึ้นเป็นอันมาก"
ลูกา 23.50 "นี่แน่ะมีชนยูดายคนหนึ่งชื่อโยเซฟชาวบ้านอาริมาธายอยู่ในพวกที่ปรึกษาเป็นคนดีและสัตย์ซื่อ" และเป็นบ่าว "สัตย์ซื่อ"
ลูกา 16.10 "คนที่สัตย์ซื่อในของเล็กที่สุดจะสัตย์ซื่อในของมากด้วย และคนที่อสัตย์ในของเล็กที่สุดจะอสัตย์ในของมากด้วย"
2ติโมเธียว 2.2 "จงฝากข้อความเหล่านั้นซึ่งท่านได้ยินจากข้าพเจ้าต่อหน้าพยานหลายคนไว้กับคนสัตย์ซื่อ ที่สามารถสอนคนอื่นได้ด้วย"
วิวรณ์ 2.10 "อย่ากลัวต่อเหตุการณ์เหล่านั้นซึ่งเจ้าจะต้องทนเอา นี่แน่ะการจะเอาพวกเจ้าบางคนใส่คุกไว้เพื่อจะได้ลองดูใจเจ้า และเจ้าทั้งหลายจะได้รับทุกข์ลำบากถึงสิบวัน แต่เจ้าจงเป็นผู้สัตย์ซื่อตราบเท่าวันตาย และเราจะให้เจ้ามีมงกุฎแห่งชีวิต" องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย" หมายความว่าเขารับผิดชอบในตำแหน่งการงานของเขาดี บำเหน็จของผู้สัตย์ซื่อคือความยินดีของนายและบ่าว
(3) โปรดพิจารณาดูผู้ที่มีตาลันต์เดียวในวันคิดบัญชี เขาแก้ตัวต่าง ๆ นานา แต่มิได้ทำให้เขาพ้นจากความรับผิดชอบ หรือพ้นจากความผิดได้ ในวันพิพากษาจะมีผู้ที่แก้ตัว โปรดดู มัดธาย 7.21 "มิใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า จะได้เข้าในเมืองสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเราผู้อยู่ในสวรรค์นั้นจึงจะเข้าได้" และข้อ 30 "เอาอ้ายข้าชาติชั่วช้าไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก ซึ่งมีแต่การร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน" องค์พระผู้เป็นเจ้าเรียกชายผู้นั้นว่า "อ้ายข้าชั่วช้า" เพราะเขาล้มเหลวในความรับผิดชอบและก็ยังถูกเรียกว่า "เกียจคร้าน" ตายสายของชาวโลก คนชั่วคือโจรผู้ร้ายหรือคนผิดประเวณี แต่ผู้ที่ไม่รับผิดชอบในหน้าที่ของตนคือ "คนชั่ว" และ "คนเกียจคร้าน" ในสายพระเนตรของพระเจ้า